วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 ของขวัญต้องห้าม‏ ‏


น้ำหอม

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะมีหลายคนที่เขาเชื่อ เขาแอบกระซิบบอกมาว่า ห้ามให้แฟนซื้อน้ำหอมให้เด็ดขาด เพราะความรักของคุณอาจจะจืดจางเหมือนกับกลิ่นของน้ำหอมที่จางหายไปตามกาลเวลา
รองเท้า

ข้อนี้ยิ่งเด็ด เพราะมีประสบการณ์ตรงมาอ้างอิง โดยใครมีแฟนรีบเอาไปให้อ่านเลย เขาว่ากันว่าหากแฟนซื้อรองเท้าให้จะทำให้เลิกกัน เพราะรองเท้ามันต้องอยู่เป็นคู่ คนที่เป็นแฟนกันแต่ยังไม่ได้อยู่กันเป็นคู่ รองเท้าจึงเป็นอาถรรพ์ที่อาจจะทำให้เลิกกันได้ เรื่องนี้ขอบอกว่าเคยเกิดขึ้นกับหลายคนนะ ที่แฟนซื้อรองเท้าให้ตอนคบกัน 4 - 5 เดือน หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ แฟนก็ขอเลิกเลย
เสื้อผ้าชุดดำ

อัน นี้น่ากลัวมากๆ เขาห้ามให้เสื้อผ้าชุดที่มีสีดำเป็นของขวัญโดยเด็ดขาด เพราะคนโบราณเขาถือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าคลุม ผู้หลักผู้ใหญ่จะสอนอยู่เสมอว่า ถ้าเราให้ชุดดำใคร เราจะต้องได้ไปงานศพของคนนั้น..เวรกรรม..
นาฬิกา

อัน นี้มาแนวถือเคล็ดซะมากกว่า เพราะหลายคนเชื่อหนักหนาว่า หากแฟนซื้อนาฬิกาให้ จะทำให้ระยะเวลาที่คบกัน อาจจะต้องหยุดลงเมื่อนาฬิกาเรือนนั้นหยุดเดิน ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม..โอ้แม่เจ้า..
รูปถ่าย

อีก สิ่งหนึ่งที่ห้ามให้เด็ดขาดนั้นก็คือ รูปถ่ายเดี่ยวๆ ของตัวเอง เพราะมันเปรียบเสมือนการให้รูปที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าเวลาจากกัน อาถรรพ์นี้หลายคนเจอมาแล้ว หากใครไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลีกเลี่ยงเด็ดขาด..อะจึ๋ย..
ผ้าเช็ดหน้า

ความหมายตรง ตัวมากๆ ผ้าเช็ดหน้าส่วนใหญ่เขาไว้ใช้ทำอะไร คนรับของขวัญก็จะต้องใช้ทำอย่างนั้นหละ..ซึ่งได้ข่าวมาว่า ผ้าเช็ดหน้า ส่วนใหญ่จะใช้เช็ดน้ำตาซะด้วย..ดังนั้นใครไม่อยากที่จะต้องเสียน้ำตา ต้องเลี่ยงให้ของขวัญเป็นผ้าเช็ดหน้านะครับ..
ของมีคม

อัน นี้คงไม่เชิงความเชื่อ เพราะมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่เชื่อไว้ก็ไม่เสียหลายนะ พวกของมีคม อาวุธ ดาบ ของเล่น โมเดลต่างๆที่มีคมอย่านำเป็นของขวัญ เพราะจะทำให้ผู้รับได้รับอันตราย มีภัย โชคร้าย ไปด้วย
หวี

แฟน เพื่อน มิตรสหายทั้งหลายฟังทางนี้ เพราะถ้าเรามอบหวีให้กับแฟน หรือเพื่อนคนไหน จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราและเขาต้องห่างกันเหมือนซี่ของหวีนั้นเองเข็มกลัด ภาย นอกอาจจะดูสวย แต่ภายในแฝงไปด้วยความหมายที่น่าเจ็บปวด เพราะเชื่อว่าหากให้เข็มกลัดแก่ใคร จะเป็นการทิ่มแทงใจ สร้างความเจ็บปวด ขัดแย้งให้กับผู้รับคนนั้น
เครื่องแก้วต่างๆ

เพราะตามความเชื่อว่าถ้าเกิดเครื่องแก้วนั้นแตกขึ้นมา นั่นก็หมายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอันแตกหัก แตกสลายตามของอย่างแน่นอน
โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ มันเป็นแค่สิ่งบอกเล่า หากใครจะเชื่อหรือไม่ก็อยากให้ดูๆและเก็บไว้ประดับความรู้นะ เพราะสิ่งสำคัญคือการกระทำของตัวตัวเราและใจของเราในทุกๆเรื่อง

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

น้ำตาเทียม

ภญ.อัมพร อยู่บาง เขียนบทความอรรถาธิบาย สรุปความว่า น้ำตาเทียม (artificial tears) ใช้หล่อลื่นดวงตาเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง ที่จะมีอาการแสบตา ตาแดง เคืองตา รู้สึกแห้งฝืด บางครั้งมีขี้ตาเป็นเส้นๆ เมือกๆ ลืมตายาก อาการมักเป็นมากในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้น้ำตาระเหยง่าย เช่น แสงจัด ความร้อน ความชื้นต่ำ (ห้องปรับอากาศ) ควัน ลมแรง หรือใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ (เพราะต้องลืมตานาน ทำให้กะพริบตาลดลง) หากเป็นเรื้อรัง ขี้ตาเป็นเมือกติดแน่นที่กระจกตา ทำให้ผิวตาดำไม่เรียบ ติดเชื้อง่าย จะทำให้เกิดแผล ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดี จะทำให้แผลอักเสบถึงตาบอดได้ น้ำตาเทียมต่างจากน้ำตาธรรมชาติ ดังนี้ น้ำตาธรรมชาติ ในภาวะปกติน้ำตาสร้างมาจากต่อมน้ำตา ต่อมภายในเยื่อบุตา ต่อมบริเวณโคนขนตา ตลอดจนต่อมภายในหนังตา แต่ละต่อมสร้างน้ำตาต่างชนิดกัน โดยเรียงเป็น 3 ชั้น ชั้นนอกเป็นชั้นไขมัน มีหน้าที่ป้องกันการระเหยของน้ำ ชั้นกลางเป็นน้ำ เป็นชั้นที่หนาที่สุด เป็นตัวที่ให้อาหารและออกซิเจนหล่อเลี้ยงแก้วตา ชั้นที่ชิดผิวตาเป็นชั้นเมือก มีหน้าที่ปรับสภาพของกระจกตา ทำให้น้ำตากระจายตัวได้อย่างรวดเร็วเวลากะพริบตา น้ำตามีหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่กระจกตาและเยื่อบุตาขาว ปรับสภาพของกระจกตาให้เรียบ ทำให้เกิดการหักเหของแสงที่สม่ำเสมอ ทำ ให้มองเห็นชัด เจน ป้องกันการติดเชื้อของกระจกตา ชะล้างสิ่งแปลกปลอม เป็นแหล่งอาหารให้กับผิวดวงตา เนื่องจากกระจกตาเป็นอวัยวะที่ไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยง จึงต้องอาศัยออกซิเจนจากอากาศและน้ำตาที่เต็มไปด้วยเกลือแร่ วิตามินเอ วิตามินอี สารต้านจุลชีพ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้ผิว ดวงตาอยู่ในสภาพปกติ หากขาดสารเหล่านี้พื้นผิวดวงตาจะแห้งและหลุดลอกได้ง่ายน้ำตาเทียมเป็นสารสังเคราะห์ที่ถูกผลิตขึ้นให้คุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติมากที่สุด มีส่วนประกอบสำคัญ 4 ส่วน 1.hydrogel หรือ polymer ช่วยเพิ่มความหนืดให้น้ำตาเทียม เพื่อให้ฉาบอยู่ที่กระจกตานานขึ้น เพิ่มความสบายและความชุ่มชื่นให้กระจกตา แต่ถ้าน้ำตาเทียมยี่ห้อใดมีความหนืดมากก็จะทำให้ระยะเวลาที่น้ำตาเทียมฉาบอยู่บนกระจกตานานขึ้น อาจทำให้มี อาการตามัว มองไม่ชัดหลังหยอดตาระยะแรก2.สารกันเสีย ช่วยให้น้ำตาเทียมคงสภาพได้นาน และป้องกันการเติบโตของจุลชีพ ที่อาจปนเปื้อนเข้าไปขณะหยอด ทำให้สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 เดือนหลังจากเปิดขวด 3.บัฟเฟอร์ (buffer) เป็นส่วนผสมที่ช่วยปรับสมดุลขององค์ประกอบอื่นในน้ำตาเทียม ปรับความเป็นกรดด่างให้พอเหมาะ ช่วยคงสภาพของน้ำตาเทียม 4.ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น glycine, magnesium chloride, sodium chloride, zinc, calcium chloride, sodium borate เพื่อให้น้ำตาเทียมมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติมากที่สุด การใช้น้ำตาเทียมไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงต่อดวงตา ในรายที่ไวหรือแพ้สารกันเสีย ซึ่งมีอยู่ในยาหยอดตาทุกชนิดที่เป็นขวดใหญ่ ก็เลือกใช้น้ำตาเทียมที่ปราศจากสารกันเสียซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดขนาดเล็กที่ใช้ได้วันต่อวัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตาแห้ง การไปตรวจสุขภาพดวงตากับจักษุแพทย์อย่างละเอียดเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ควรซื้อน้ำตาเทียมมาใช้เองเป็นเวลานานๆ โดยไม่หาสาเหตุที่แท้จริงของอาการตาแห้ง

แฟน 7 แบบ ที่ควรเขี่ยทิ้ง


1. แฟนประเภทชอบรื้อฟื้น เช่น คบกันอยู่ดีๆ แต่วันร้ายคืนสยองเขากลับ มักพูดถึงแต่แฟนเก่า ว่าเป็นคนอย่างงั้น อย่างโน้น นัยว่าหล่อน เป็นแม่พิมพ์ประจำใจเขานั่นแหละ แถมเล่าแล้วไม่เล่าเปล่าเสียด้วยนะ มีการจับทั้งแฟน ปัจจุบันกับอดีตหวานใจมาเปรียบเทียบซะกระเจิด กระเจิง แล้วไอ้ที่เขาพูดๆ พล่ามๆ เรื่องรักเก่าสมัย ม.3 อะไรเนี่ย มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ หรือทำให้รักปัจจุบัน เหนียวแน่นหรือก็เปล่าเลย ยิ่งเห่า เอ้ย ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แฟนคนล่าสุดหมดกำลังใจไปเรื่อยๆ แถมดีไม่ดี เขาอาจเก็บภาพสมัยที่เคยระเริงรักกับแฟนเก่า ซึ่งซุกไว้ในเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนตัวมาเปิดดูบ่อยๆ โดยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ แล้วอย่างนี้จะให้รักกันไหวไหมล่ะ
2. แฟนชอบโกหกจนเป็นสันดาน ข้อนี้คงไม่ต้องอาศัยคำอธิบายอะไรให้มาก เพราะ ใครบ้าง ที่ไม่รู้อยู่แก่ใจว่า การโกหก คือยาพิษที่ บ่อนทำลายความรักได้ง่ายและฉับไวที่สุด บ้างนะ เหตุนี้ ถ้ามีแฟนจัดเข้าข่ายเป็นพวกโก-Six หรือมุสาวาจา เป็นกิจวัตร หรือพวกชอบโชว์มาด “มือถือสาก ปากถือศีล” ล่ะก็ ถ้าไม่เลิกกันวันนี้ พรุ่งนี้ ก็คงมะรืนนี้แหละ สักวันนึงย่อมทนกันไม่ได้อยู่ดี
3. แฟนเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า แบบว่า เผลอเป็นไม่ได้ ต้องสะเหร่อแบ่งกายไปเบียด คนอื่นอยู่เรื่อย แต่ใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่า เพราะเด็กมันยั่ว เลยหลวมตัวนอตหลุด งั้นเชิญไปไขก๊อกกันทุกคืนเลยแล้วกัน เราอย่าลดตัว เป็นมารคอหอยเขาหน่อยเลย
4. แฟนที่ไม่สนว่า จำเป็นต้องเอาใจคนรักอะไร กันนักหนา เอ้...ถ้าไม่รู้จักเอาใจสวีตฮาร์ท แล้วจะให้อีกฝ่ายคอย แต่เอาใจใส่เขาหรือยังไง หากรักกันจริงก็ควรเทกแคร์กันสิเพ่ เทกแคร์น่ะแปลว่า ดูแลเอาใจใส่ไม่ ใช่ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหลียวแล เค้าว่า ความรักคือการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กันไม่ใช่หรือ? แล้วเคยให้กันบ้างไหม?
5. แฟนไม่เคยมีเวลาให้ รวมไปถึงชอบผิดนัด นิยมบอกปัด อ้างงานเยอะ แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน ขืนเป็นงี้ แล้วจะเป็นแฟนกันไปทำไม? จะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนก็แปะเอี้ย (เหมือนกัน) ไม่เห็นมีอะไรต่าง นอกจากอยากเป็นแฟนเฉพาะทางโทรศัพท์ก็ว่าไปอย่าง
6. แฟนไม่เคยทำตามสัญญา ให้ความหวังด้วยลมปากเป็นอย่างเดียว แต่ทำให้หวังเป็นจริง ไม่ได้ก็แย่
7. แฟนที่ชอบตอกย้ำซ้ำเติมปมด้อยให้น้อยเนื้อต่ำใจได้ตลอดเวลา เอ๊ะ ถ้าไม่เห็นเรามีดีแล้วตกลงมารักกันให้เจ็บๆคันๆ ทำไมเหรอ ถ้ารักแล้ว พูดจาภาษาดอกไม้ หาเรื่องดีๆ เป็นสิริมงคลมาคุยกันไม่ได้ งั้นหันมาเป็นศัตรูกันยังเก๋ซะกว่า นี่ล่ะหนา ถึงอยากถามใครต่อใคร ว่าก่อนจะรัก หล่อนพร้อมจะเจ็บกระดองใจหรือยังจ๊ะ.

10 สิ่งที่ผู้ชายชอบ

ผู้ชาย ชอบให้ผู้หญิง ทำอย่างไร ?
1. ชอบ ผู้หญิงที่ให้เกียรติตนโดยเฉพาะต่อหน้าผู้อื่น (รู้สึกได้หน้าที่ผู้หญิงอยู่ใน control )
2. ชอบ ผู้หญิงพูดจาหวาน ๆ ไพเราะ ยิ้มหวาน (รู้สึกเหมือนมีคนกำลังให้บริการไงจ๊ะ )
3. ชอบ ผู้หญิงที่สดชื่นสดใส ร่าเริง มีอารมณ์ขันบ้าง (รู้สึกความเครียดที่โดนเจ้านายว่าหดหาย )
4. ชอบ ผู้หญิงเอาอกเอาใจเก่งในทุกเรื่อง ( เขาจะได้รู้สึกเหมือนอาเสี่ยไง )
5. ชอบ ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ อบอุ่น อยากอยู่ใกล้ ๆ (เป็นสิ่งที่เขาโหยหาตลอดเวลาแต่ไม่กล้าเปิดเผย )
6. ชอบ ผู้หญิงแกล้งโง่ แต่เก่ง มีความรู้ ความสามารถ (เขาจะได้รู้สึกมีความภูมิใจเหลืออยู่บ้างไง )
7. ชอบ ผู้หญิงงอนนิด ๆ ( เขาจะได้ง้อได้ไง แต่อย่าให้ง้อบ่อยจนเขาเบื่อล่ะ )
8. ชอบ ผู้หญิงที่แต่งตัวดูเรียบร้อย แต่แฝงด้วยความเซ็กซี่ มีเสน่ห์ และโรแมนติก ( เพื่อนและคนใกล้ชิดได้อิจฉาไง )
9. ชอบ ผู้หญิงออเซาะเก่ง (คิดว่าเขาเป็นรัฐมนตรีต้องออเซาะโครงการถึงจะได้รับการอนุมัติ )
10. ชอบ ผู้หญิงไฟแรงสูง ( พุ่งเป็นจรวดนำวิถีไงล่ะ ... ระวังไฟช็อตนะจ๊ะ )

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สุดยอดถนน





วันสำคัญที่สาวเกาหลีกรี๊ดดด!

ไหนๆ ก็เกาหลีครองเมือง กันขนาดนี้ แล้ว ไปดูดีกว่าว่านอกจาก ดารานักร้อง อาหารเกาหลี แล้ว จำพวกวันสำคัณที่สาวๆเกาหลีเค้ากรี๊ดกร๊าดกันมีวันอะไรกันบ้าง!

14
มกราคม Diary Day

เป็นวันที่คู่รักจะมอบสมุดไดอารี่ให้แก่กัน

14 กุมภาพันธ์ Valentine's Day

วันแห่งความรักอย่างที่รู้ๆกันอยู่ใช่มะ วันนี้คู่รักฝ่ายหญิงจะเป็นคนมอบช็อกโกแลตให้กับฝ่ายชาย

14
มีนาคม White Day

วันนี้ฝ่ายชายจะมอบช็อกโกแลตคืนให้ฝ่ายหญิงละ

14 เมษายน Black Day

เป็นวันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักจะมารวมตัวกันเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวเส้นสีดำด้วยกัน - -"

14
พฤษภาคม Yellow Day

วันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักแล้วพลาดโอกาสไม่ทันได้กินก๋วยเตี๋ยวเส้นสีดำในวัน Black Day

มารวมตัวกันกินข้าวราดแกง(คาดว่าน่าจะเป็นสีเหลืองนะ เลยเรียก Yellow Day)

วันนี้ยังเป็นวัน Rose Day หรือวันที่คู่รักมอบดอกกุหลาบให้แก่กันอีกด้วย

14
มิถุนายน Kiss Day

วันที่คู่รักจุมพิตกัน เพื่อยืนยันความรักที่มีต่อกัน

14
กรกฏาคม Silver Day

วันที่คู่รักแลกแหวนเงินกัน เพื่อเป็นสัญญาแห่งอนาคต

14
สิงหาคม Music Day

วันที่คู่รักมอบเทปเพลงรักให้กันและกัน

14
กันยายน Photo Day

วันที่คู่รักถ่ายภาพร่วมกัน เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความรักของตน

14
ตุลาคม Wine Day

วันที่คู่รักดื่มไวท์ด้วยกัน

14
พฤศจิกายน Hug Day

เป็นวันที่คู่รักแสดงความรักด้วยการกอดกัน นอกจากนี้ยังเป็นวัน Movie Day

หรือวันที่คู่รักจูงมือพากันไปดูหนังอีกด้วย

14 ธันวาคม Money Day

วันที่คู่รักใช้เงินซื้อของหรือใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยให้กับคนรักของตน

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประกาศนียบัตร DELF และ DALF


ประกาศนียบัตร DELF และ DALF
ประกาศนียบัตรความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐาน (DELF) และประกาศนียบัตร ความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสขั้นสูง (DALF) นี้ เป็นประกาศนียบัตรที่รับรองความรู้ ภาษาฝรั่งเศส ในฐานะภาษาต่างประเทศ ซึ่งรับรองอย่างเป็นทางการโดย ระทรวงศึกษาธิการ ของฝรั่งเศส ประกาศนียบัตรที่มีผลบังคับรับรองตลอดชีวิตทั้งสองระดับนี้ เป็นที่ยอมรับ ในประเทศฝรั่งเศส และทั่วโลก สามารถนำไปแสดงระดับความสามารถทางภาษาฝรั่งเศส กับนายจ้างได้ ในการวัดระดับของประกาศนียบัตรความรู้ ทางด้านภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐาน (DELF) และประกาศนียบัตรความรู้ทางด้านภาษาฝรั่งเศสขั้นสูง (DALF) ประกอบด้วย ประกาศนียบัตรซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องต่อกัน 6 ระดับ โดยประกอบกันเป็น 6 ระดับตามมาตรฐาน อ้างอิงร่วมกัน ของสหภาพยุโรป สำหรับภาษาต่างๆ และปรับให้เข้ากับทุกคน ประกาศนียบัตร แต่ละใบจะเป็นการทดสอบที่เทียบเท่ากับการทดสอบทักษะ 4 ด้าน คือ ความเข้าใจกับการพูด ความเข้าใจกับการเขียน

เหตุผลโง่ๆ ที่ผู้ชายงี่เง่าชอบอ้าง ™

ผู้ชายสมัยนี้ ว่าหายากแล้ว ไอ้ที่มีอยู่ในมือนั้น ก็แสนจะสร้างความรำคาญใจได้ทุกวี่ทุกวัน ครั้นจะเลิกก็กลัวจะหาไม่ได้อีก แถมแต่ละวัน ยังต้องรับมือ กับคำพูดกวน(ที)นทุกวัน ข้ออ้างสารพัด คุณผู้ชายขาาาาาา คุณรู้บ้างหรือไม่ ที่คุณชอบว่า ว่าเรางี่เง่า แต่จริงๆ แล้วคุณน่ะ (โครต) งี่เง่าเช่นกัน...ไม่เชื่อมาดูเลย แล้วบอกมา ว่ามันไม่จริง!!!

1. งานเยอะ ประโยคยอดฮิต ที่คุณผู้ชายมักหยิบมาใช้อยู่เสมอ เพราะพวกมันคิดว่า นี่คือคำที่พูดแล้ว ผู้หญิงมีสมองอย่างเรา ต้องเข้าใจทันที และไม่อิดออดอ้อนวอน ให้มาหา แต่พอเราบอกมันว่า งานเยอะ มันถามว่า อยากเลิกใช่มั้ย??


2. ไม่มีตังค์! แค่จะชวนออกมาเจอหน้ากัน อย่างมากก็กินไอติม กินข้าวธรรมดา มันคงไม่ได้มื้อละ สี่ซาห้าพันซะเมื่อไหร่ จริงมั้ย..

3. รถเสีย! ไปไม่ได้จริงๆ รถมันเสียเนี่ย แล้วจะให้ไปได้ไง ...โห..พูดมาได้ รถเมล์ รถแท็กซี่ รถตู้ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน มอไซด์ จะเอาไรอีก มันยากตรงไหน ทีเมื่อก่อน ดึกดื่นแค่ไหนมาได้ เดี๋ยวนี้สามทุ่มมันบอกจะนอน ง่วง!

4. เดี๋ยวโทรกลับ คำว่าเดี๋ยวเค้าใช้กับระยะเวลาสั้นๆ เป็นนาที แต่มันเล่นเป็นวัน บางทีข้ามวันข้ามคืนซะอย่างนั้น พอเรางอน ไม่โทรไปมันกลับด่า ว่าแล้วทำไมไม่โทรมาก่อนล่ะ ลืมนิ่... ดูมั๊น...กลายเป็นเราผิดซะอย่างงั้น

5. จะดูบอล โห..คืนนี้บอลคู่ใหญ่นะ พลาดไปเสียดายแย่ เราก็ต้องยอม แต่เราบอกไม่ไปบ้าง จะดูละครตอนอวสาน จะบ้าหรอ อย่ามาทำตัวน้ำเน่าน่า....??

6. เมื่อเราชวนไปดูคอนเสิร์ต โอ๊ย..คนเยอะ น่าเบื่อจะตายอย่าไปเลย เมื่อเราชวนไปดูหนัง โอ๊ย..เรื่องนี้ใครเค้าดูกัน อยากเข้าไปแล้วโดนผีหลอกในโรงหรอ... แล้วมึงจะเอาไง..??

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

Salt

คนที่ชอบทานอาหารรสเค็มจัด คงต้องหักห้ามใจเหยาะเกลือลงในอาหารเมนูโปรดของคุณให้น้อยลง เพราะเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สถาบันวิจัยทางการแพทย์ของอังกฤษได้รายงานว่า การลดการบริโภคเกลือโดยเฉลี่ย 6 - 9.5 กรัมต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้ 10 เปอร์เซ็นต์ และช่วยลดปัญหาหลอดเลือดอุดตันลงได้ถึง 13 เปอร์เซ็นต์ ผลการวิจัยดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษกระตือรือร้นที่จะวางแผนจำกัดมาตรฐานการบริโภคเกลือของคนอังกฤษในปี 2010 ให้ลดลงถึง 6 กรัมต่อวัน และหากรัฐบาลสามารถดำเนินการโครงการนี้ได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ กลุ่มประเทศยุโรปและนานาประเทศก็มีแนวโน้มที่จะนำโครงการต้นแบบของอังกฤษไปใช้กับประเทศของตนเองในอนาคตอันใกล้ โซเดียมคลอไรด์ หรือ เกลือ ประกอบด้วยโซเดียม 40 เปอร์เซ็นต์ และคลอไรด์อีก 60 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายของเราต้องการโซเดียม เพื่อช่วยรักษาความสมดุลในร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ และทำหน้าที่เป็นเหมือนระบบประสานงานในร่างกายก็จริงอยู่ แต่ทว่าในแต่ละวัน เราอาจจะบริโภคเกลือมากเกินไปโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงแล้วปริมาณเกลือเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับการทำงานของระบบร่างกาย การบริโภคเกลือในปริมาณมากเกินไปจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ เมื่อร่างกายของคนเราได้รับเกลือปริมาณมาก ปริมาณโซเดียมที่มากเกินพอดีจะทำให้ร่างกายเก็บรักษาน้ำมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะความดันสูงในหลอดเลือด นอกจากนี้คุณเคยทราบไหมว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคเกลือเกินความจำเป็นมีสาเหตุมาจากกระบวนการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารตะวันตก (ที่เราคิดว่ารสชาติไม่เค็มจนเกินไป) อย่างเนื้อที่ผ่านกระบวนการหมักพร้อมปรุง ชีส ธัญพืช ขนมปัง และมันฝรั่งทอดกรอบสำเร็จรูป หรือแม้อาหารไทยที่มีน้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรสสำคัญ ถึงจะเป็นงานวิจัยแบบเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่ก็ส่งผลดีและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคไม่น้อย เพราะทันทีที่ได้รับการเผยแพร่ รายงานการวิจัยฉบับนี้ก็ได้มีส่วนกระตุ้นให้อุตสาหกรรมอาหารลดปริมาณเกลือในขั้นตอนการผลิตของตนเองลง และยังทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงอันตรายจากการรับประทานอาหารรสเค็มกันมากขึ้น

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

WoW





4 วิธีป้องกันการเป็น ‘ปลาทอง’

เสมอ ก่อนที่คุณจะมีความจำสั้นแค่ 3 วินาทีเหมือนปลาทอง มี 4 วิธีง่ายๆ ที่คุณทำได้เองตั้งแต่ตอนนี้มาฝาก

1. กินอาหารที่มีประโยชน์
สถาบันประสาทวิทยาแห่งสหรัฐฯ รายงานว่า การกินผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม ผักโขม แครอท บร็อค-โคลี มะเขือเทศ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดสโตรคถึง 11% แถมยังช่วยบำรุงให้เซลล์สมองสามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่วิตามินบีโดยเฉพาะ บี12 และกรดโฟลิกช่วยลดการเสี่ยงในการเป็นโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย

2. ออกกำลังกาย
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่อยากมีสุขภาพดี การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือบอดี้คอมแบต ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น และช่วยกำจัดไขมันที่เกาะตามเส้นเลือด นั่นหมายความว่าเลือดจะสามารถนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง การออกกำลังกายยังช่วยให้คุณนอนหลับสนิท ทำให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องถึงขนาดวิ่งวิบากก็ได้ครับ แม้แต่การรำมวยจีน โยคะ ก็ช่วยให้พัฒนาสมองได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่อย่าลืมดื่มน้ำหลังการออกกำลังกายด้วย เพราะการขาดน้ำอาจทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่

3. ออกกำลังสมอง
ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรงก็ต้องออกกำลังกาย เช่นเดียวกัน ถ้าอยากให้สมองแข็งแรงก็ต้องออกกำลังสมอง พูดง่ายๆ ก็คือ ใช้สมองนั่นแหละ มีหลายวิธีที่ทำให้สมองของคุณได้ใช้งาน เช่น การเล่นหมากรุก การอ่านหนังสือ การเล่นเกมอักษรไขว้ อย่ากลัวที่จะเรียนภาษาใหม่ๆ หรือเรียนดนตรีตอนอายุมากแล้ว เพราะนั่นเป็นการออกกำลังสมองอย่างดีเลยละครับ ต่อให้คุณมีระบบจดจำหมายเลขโทรศัพท์แล้ว ลองจำหมายเลขโทรศัพท์ของคนใกล้ชิดไว้ในสมองสิครับ หรือเวลารถติดก็ลองเอาเลขป้ายทะเบียนรถคันข้างหน้ามาบวกลบคูณหารกัน สมองมีไว้ใช้ ถ้าไม่ใช้ก็มีแต่จะเสียมันไปเท่านั้น

4. หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า
นึกถึงตอนที่คุณเมาจนจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนคุณทำตัวน่าอายแค่ไหนนั่นแหละครับ แม้จะเป็นเพียงแก้วสองแก้ว แอลกอฮอล์ก็สามารถไปรบกวนการสร้างความจำระยะยาว (Long-term memories) ได้เหมือนกัน การวิจัยอีกหลายชิ้นก็ชี้ว่า ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อการทำลายความจำมากขึ้น เห็นแบบนี้แล้วอย่าใช้มันเป็นข้ออ้างในการดื่มเพื่อลืมเธอเลยนะคุณ ใจก็เสียไปแล้ว อย่าให้สมองเสียไป

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เชคอาการปวดท้อง


ปวดท้องด้านขวาตอนบน ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของ ช่องท้อง มักเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี ปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร แอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่ อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหาร และอาการไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้ เช่นเดียวกัน บางครั้งโรคต่างๆที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณ ส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้ ปวดท้องส่วนกลาง ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุมาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มขึ้นที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการ แสบกระเพาะอาหาร นั่นหมายถึงอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวด เนื่องจากแผลในกระเพาะ ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาการอักเสบของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกันพร้อมกับ อาการท้องร่วง หรือเกิดจาก อาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)
ครั้งหน้าปวดท้อง อย่าลืมตรวจดูว่าอาการปวดท้องนั้นเกิดจากอะไร จะได้รักษาได้ถูกอาการ..

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552


การมองข้ามความสำคัญของท่านั่ง ท่ายืนที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา อาทิ อาการปวดเมื่อยหลัง หรือปวดศีรษะ สำหรับท่านั่งที่ถูกต้อง คือ...-นั่งหลังตรง โดยไม่ทิ้งน้ำหนักกดสันหลังช่วงล่าง-ไม่งอหรือห่อไหล่ และนั่งให้เต็มเก้าอี้-พิงหลังชิดพนัก หาหมอนหรือผ้าหนุนบริเวณส่วนเว้าของพนักพิง-วางปลายเท้าทั้งสองข้างให้ถึงพื้น และกระจายน้ำหนักให้เท่ากัน-พับเข่าทำมุม 90 องศา ในระดับเดียวกับสะโพก-ส่วนแขนปล่อยวางข้างลำตัว พร้อมนั่งแขม่วหน้าท้องเล็กน้อย หายใจให้เป็นธรรมชาติ- ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะเป็นการบิดตำแหน่งเชิงกรานให้ผิดลักษณะ ส่งผลให้น้ำหนักขาตกอยู่ที่เส้นเอ็นและกระดูกอ่อน-ขณะนั่ง หมั่นยืดหลังให้บริเวณอกแอ่นไปด้านหน้า ค้างไว้ครั้งละ 20 วินาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องและผ่อนน้ำหนักจากข้อต่อสันหลัง เมื่อต้องการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นยืน ให้ขยับตัวไปด้านหน้าของเก้าอี้ ก่อนทิ้งน้ำหนักที่ขา ยืดขาช้า ๆ พยายามอย่ายืนขึ้นในลักษณะสันหลังช่วงเอวโก่งงอ

ส่วนท่ายืนที่ถูกต้อง คือ...

-ศีรษะและคอตั้งตรง
-ไม่เกร็งช่วงไหล่ และกระดูกไหปลาร้า ให้อยู่ในลักษณะผายออกอย่างผ่อนคลาย
-สะโพกทั้งสองข้างให้อยู่ในระดับเสมอกัน
-งอเข่าเล็กน้อย ไม่ควรเหยียดยืดให้ตรงเกินไป
-ข้อเท้าทั้งสองข้าง ควรทิ้งน้ำหนักตัวเฉลี่ยเท่า ๆ กัน

การนั่งและยืนอย่างถูกต้อง นอกจากจะทำให้ดูสง่าผ่าเผยแล้วยังช่วยลดการเสื่อมของข้อต่อ ลดความตึงของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อไม่เกิดอาการอ่อนล้า ป้องกันอาการปวดหลัง-ปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงจากการเจ็บกล้ามเนื้อฉับพลันได้.

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

การทำเทียนหอม

ใครชอบแต่งบ้านให้ได้ทั้งความสวยงามและได้ประโยชน์ด้วยละก็ นี่แหละ ใช่เลย เทียนหอมกันยุง เป็นงานหัตถกรรมที่มีความสวยงามสามารถตกแต่งได้ตามใจผู้ทำ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ก็เป็นเรื่องของวัสดุต่างๆที่นำมาใช้และเทคนิค วิธีทำ เมื่อทราบขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เมื่อได้ลงมือทำไปบ้างแล้วที่นี้ล่ะ แบบเทียนสวยๆหอมๆจากใจคุณก็จะออกมาได้เอง ยังไงส่งภาพมาให้ดูกันบ้างนะครับ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรามาดูกันว่าจะต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
1
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้สำหรับละลายเทียนเพื่อความสะดวก เพราะตัวหม้อจะมีระบบตัดไฟเมื่อน้ำเทียนเดือด เมื่อเทียนแข็งตัวและเราต้องการให้เทียนหลอมละลายอีกเราก็กดปุ่มอีกครั้ง
2
หม้อสองชั้นสำหรับตุ๋นเทียน ชั้นล่างเป็นหม้อใบใหญ่กว่าสำหรับใส่น้ำ ใบบนสำหรับใส่เทียนเป็นหม้อใบเล็กกว่ามีด้ามจับ ถ้าใช้หม้อชั้นเดียวเนื้อเทียนจะถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนเกินไปและไม่สะดวกแก่การทำงาน
3
ถาดขนมสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ ควรเป็นแบบที่ทำจากอลูมิเนียมจะได้ทนความร้อนได้ดี
4
ช้อน สำหรับตักเทียน
5
แม่พิมพ์ สำหรับยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ
6
เหล็กคีบ ใช้หนีบภาชนะร้อนๆจะได้ไม่ร้อนมือ
7
กาละมังสเตนเลสใบเล็ก
8
ทัพพีกลมสำหรับตักน้ำเทียน
9
กรรไกรสำหรับตัดแต่งเทียน
10
แม่พิมพ์ สำหรัยยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ กรณีที่ต้องการทำรูปแบบต่างๆให้ดูสวยงาม
11
เหล็กแหลม สำหรับปักไส้เทียน
วัสดุที่เราใช้ในการทำเทียน
1
พาราฟินแวกซ์ มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58°c - 62°c
2
โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2--10 เปอร์เซนต์
3
สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน 1/2 กก.
4
ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก
5
ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น
6
สีผสมเทียน
7
น้ำมันตะไคร้หอม
เรื่องของวัสดุในการทำเทียนหอมกันยุงผมได้แจงรายละเอียดไว้เผื่อสำหรับในการทำเทียนแบบสวยงามด้วยเลย จึงดูค่อนข้างจะมีส่วนประกอบมาก ลองทำดูก็แล้วกันครับมีไอเดียอะไรในเรื่องของรูปแบบหน้าตาก็ดัดแปลงได้ไม่ผิดกติกา วัสดุหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนโดยเฉพาะร้านใหญ่ๆจะมีขายส่วนอุปกรณ์หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป บางรายการเช่นแบบพิมพ์ขนมรูปต่างๆมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนม
วิธีทำ
1
นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว
2
ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม
3
ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก.
4
หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรืออาจหยอดใส่ถ้วยแก้วเล็กๆก็ได้
5
นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

สลัด

สลัดทูน่า


ส่วนผสมโดยประมาณ สำหรับ 2 ที่
ทูน่าในน้ำมันพืช 1 กระป๋อง
ข้าวโพดต้ม 100 กรัม
โยเกิร์ต 100 กรัม
มายองเนส 1-2 ชต.
ซอสมะเขือเทศ 1/2 ชต.
ผงปาปริก้า, พริกไทย, เกลือ
น้ำแตงกวาดอง 3 ชต.
แอ๊บเปิ้ล 1/2 ผล
พริกหวานสีแดง 1/2 ลูก
หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
แตงกวาดองลูกเล็ก 3-4 ลูก
ไข่ต้ม 1 ฟอง
วิธีทำ
1.ทูน่ากระป๋องสะเด็ดน้ำพักไว้ ข้าวโพดต้มก็สะเด็ดน้ำพักไว้เช่นกันค่ะ จากนั้นก็นำโยเกิร์ต
มายองเนส น้ำแตงกวาดอง ซอสมะเขือเทศ ผงปาปริก้า พริกไทย และเกลือมาผสมเข้าด้วยกัน
ในชามสลัดชิมรสตามชอบค่ะ
2.หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก ๆ แอ๊บเปิ้ลก็ปอกเปลือก ตัดแกน หั่นเต๋า
ส่วนพริกหวานก็หั่นเต๋าเหมือนกันค่ะ แตงกวาดองหั่นวงไม่หนาหรือบางเกินไป ไข่ต้มปอกเปลือก
หั่นเต๋าอีกแล้วค่ะ
3.ใส่หอมหัวใหญ่ แอ๊บเปิ้ล พริกหวาน แตงกวาดอง และข้าวโพดต้มลงในชามสลัด
คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใส่ไข่ต้มลงคลุกเบามือ สุดท้ายใส่ทูน่าลงไปผสม ชิมรสตามชอบ
เสิร์ฟได้เลยค่ะ จะทานคู่กับขนมปังฝรั่งเศส หรือจะทำใส่แป้งพายชั้นแบบนี้ก็ได้ค่ะ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน


เป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ได้แก่

1.ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง ขาดแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกผุได้

2.ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอแห้ง เจ็บคอ

3.เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง

4.ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง เป็นโรคหัวใจง่าย

5.ตับหมู ตับหมู 1 กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า 400 มก. ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ, หลอดเลือดทางสมอง, มะเร็ง

6.ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรด"ออกซาเลต"มาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลนน้ำ

7.บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสารอาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย

8.เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้

9.เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และมีสารย่อยโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

10.ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรด"กลูตามิก"ในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หมอสะกิดอย่าจุมพิตกันให้พร่ำเพรื่อ ความรักทำให้เป็นเริม


เตือนหนุ่มสาวให้ระวังคนที่จะจูบว่าปากเป็นแผลหรือไม่ หลังพบว่า การจูบกันเป็นช่องทางทำให้เชื้อเริม และเมื่อติดเชื้อแล้วจะคงอยู่ในตัวเราไปตลอดชีวิต...

ฃหมอเมืองจิงโจ้กล่าวเตือนว่า อย่าไปนึกว่า จูบกันไม่เป็นไร จะเจ็บใจได้ภายหลัง เพราะการแสดงความรักแบบนี้ อาจจะเป็นอันตรายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากว่าการจูบกันเป็นช่องทางทำให้เริมติดต่อไปถึงกันได้

หมอทริเซีย เบอเกอ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของสมาคมต่อต้านเริมกล่าวว่า

"ไม่มีพ่อแม่ หรือคู่รักคนไหนต้องการจะให้เชื้อไวรัสเริมไปติดต่อคนอื่น แต่เราควรจะรู้ไว้ว่า การจูบกันเป็นช่องทางทำให้เชื้อติดต่อถึงกันที่สำคัญและเมื่อใดที่ติดเชื้อเข้าแล้ว มันจะคงอยู่ในตัวเราไปตลอดชีวิตและอาจกลับสำแดงเดชขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าใครมีอาการเจ็บแสบแผลเปื่อย หรือเม็ดพองที่ริมฝีปาก หากไปจูบใครเข้า ก็เท่ากับเอาเชื้อไปให้เมื่อนั้น แม้จะไม่มีอาการเป็นแผลเปื่อย ก็ยังอาจเอาเชื้อไปติดได้ ยิ่งเกิดมีแผลเปื่อยจะยิ่งทำให้ติดเชื้อง่ายเข้า"

ผู้อำนวยการบอกต่อไปว่า ทางหน่วยงานจะได้เปิดการรณรงค์ทางสื่อมวลชนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยของโรคเริมเอาไว้.

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวัง! หยุดหายใจขณะหลับ


การนอนหลับในอุดมคติคือ สามารถหลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลับลึกต่อเนื่องเป็นเวลานาน และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น แต่ความจริงมีน้อยคนที่จะโชคดีแบบนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มีอัตราการตื่นเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อคืน


การนอนหลับของคนเรานั้นมี 2 ช่วง คือ ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM) ที่แบ่งย่อยได้ถึง 4 ระยะ และช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM) รายละเอียดแต่ละช่วงมีดังนี้ค่ะ

ช่วงหลับธรรมดา

•ระยะที่ 1 หรือระยะหลับตื้น เป็นระยะที่ยังหลับไม่สนิท ครึ่งหลับครึ่งตื่น
•ระยะที่ 2 หรือระยะหลับจริง มักเกิดขึ้นภายใน 10 นาทีของการหลับตื้น ช่วงนี้อุณหภูมิร่างกายจะลดลง ส่วนอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
•ระยะที่ 3 และ 4 หรือระยะหลับลึก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สภาพทั่วไปขณะหลับจะมีแรงดันเลือดลดลง หายใจช้าลง รวมทั้งกล้ามเนื้อทำงานน้อยลงด้วย ผู้ที่หลับในระยะนี้มักจะตื่นยาก


ช่วงหลับฝัน

การนอนหลับในระยะนี้จัดเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายยังคงฟื้นฟูตัวเองต่อเนื่องจากช่วงที่แล้ว และเป็นระยะที่เราจะเกิดความฝัน สภาพทั่วไปขณะนี้จะมีการหายใจค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ

การนอนหลับ จะเป็นไปตามจังหวะสลับกันไปมา 4 รอบ ระหว่างหลับตื้นและหลับลึก กินเวลาเฉลี่ยรอบละราว 90-110 นาที โดยแบ่งเป็นหลับตื้น 75 เปอร์เซ็นต์และหลับลึกอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนช่วงหลับธรรมดากับหลับฝันนั้นจะสลับกันไปมาตลอดคืนเช่นกัน โดยคิดเป็นหลับธรรมดา 75 เปอร์เซ็นต์และหลับฝันเพียง 25 เปอร์เซ็นต์

นอนกรน VS หยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นผลต่อเนื่องจากการนอนกรน เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากอวัยวะในคอใหญ่เกินไป ไม่ว่าจะเป็นลิ้นใหญ่ ลิ้นไก่โต ต่อมทอนซิลโต หรือกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายมากเกินไป จากอายุที่เพิ่มขึ้นและจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่ถูกต้อง เมื่อกล้ามเนื้อดังกล่าวตกลงไปไปปิดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ร่างกายต้องพยายามหายใจเข้าออกแรงกว่าปกติ โครงสร้างต่างๆ ในลำคอจึงสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียงกรน ในรายที่ช่องทางเดินหายใจแคบมากๆ จะทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นช่วงๆ ได้

มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนเรานอนกรนและเผชิญภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้ชาย เพราะแต่ละวันผู้ชายใช้พลังงานมากกว่าผู้หญิง จึงมีโอกาสหลับและกรนได้ง่ายกว่า รวมทั้งผู้ชายมักปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเกิดโรคอ้วน มีไขมันสะสมจนทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบได้ รวมทั้งการสูบบุหรี่ที่ทำให้การพัดโบกของเนื้อเยื่อทางเดินหายใจไม่ปกติ การดื่มเหล้าทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจบวม นอกจากนี้การใช้ยาบางตัวก็ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้ เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ยารักษาภูมิแพ้ รวมไปถึงลักษณะทางกายภาพของสรีระใบหน้าก็มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีกรามสั้น ลิ้นใหญ่คับปาก ต่อมทอนซิลโต ฝาปิดกล่องเสียงอยู่ผิดที่หรือโน้มเอียงไปข้างหน้า หรือคนที่มีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้

เมื่อมีภาวะนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ นั่นหมายความว่าหัวใจคุณต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองและส่วนต่างๆมากขึ้น จนอาจทำให้หัวใจโต เส้นเลือดทำงานหนักขึ้นเสี่ยงต่อการปริแตก ความดันโลหิตสูง เลือดข้นขึ้นเพราะออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ สมองขาดออกซิเจนทำให้ความจำเริ่มเสื่อม และที่คาดไม่ถึงคือ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมตามไปด้วย แต่ที่มีผลกระทบให้เห็นมากที่สุด คือ ประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตประจำวัน คงไม่สนุกแน่ ถ้าคุณต้องง่วงเหงาหาวนอนจนควบคุมตัวเองไม่ได้ตลอดวัน บางคนฟุบหลับขณะขับรถ บางคนหลับคาจานข้าว บางคนสมองเบลอจำอะไรไม่ได้ไปชั่วขณะ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งได้เป็น 3 ระดับ หากคุณหยุดหายใจขณะหลับไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมงจัดว่าเป็นน้อย ถ้าตัวเลขพุ่งสูงขึ้นไปถึง 15 ครั้งต่อชั่วโมงถือว่าเริ่มผิดปกติ และหากเกิดขึ้น 25 ครั้งต่อชั่วโมงขึ้นไปจัดว่าอยู่ในขั้นรุนแรง ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณอยู่ในระดับไหนนั้น ต้องไปทำ sleep test เพื่อหาความผิดปกติของการนอนหลับเบื้องต้น สำหรับคนที่มีแนวโน้มเกิดภาวะนี้อาจต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือทันสมัยล่าสุดที่เรียกว่า Polysomnography ซึ่งจะบอกประสิทธิภาพการนอนหลับว่าหลับได้ดีหรือหลับสนิทแค่ไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นขณะนอนหลับบ้าง ใช้เวลาในการตรวจวัด 6-8 ชั่วโมง หรือตลอดการนอนหลับ 1 คืน

ส่วนการรักษาโรคนี้มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุว่ากรนหรือหยุดหายใจขณะหลับเพราะอะไร บางคนเป็นเพราะสรีระในช่องปากผิดปกติ ก็อาจต้องผ่าตัด จี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงหรือใส่เครื่องมือเพื่อปรับสภาพโครงสร้างในช่องปากให้ปกติ หากสาเหตุเกิดจากความอ้วน คนไข้ต้องลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร หากสาเหตุเกิดจากการใช้ยารักษาโรคบางตัว เช่น ยาแก้ภูมิแพ้ ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา ส่วนคนที่เป็นไม่มาก ก็อาจดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคง เป็นต้น

อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายไร้เสียงกรน นั่นคือ การใช้เครื่องช่วยหายใจ (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) ลักษณะเป็นหน้ากากออกซิเจนครอบจมูก ที่จะช่วยปล่อยแรงดันลมเบาๆ เข้าสู่จมูกผู้ป่วยเพื่อขยายช่องทางเดินหายใจ เมื่อช่องหายใจไม่ถูกอุดกั้นจะทำให้ผู้ป่วยหลับสนิท ไม่กรนและไม่หยุดหายใจเป็นช่วงๆ เครื่องนี้มีหลายแบบหลายราคาและสามารถพกพาไปที่ต่างๆ ได้ ผู้ป่วยที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับคุณ

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันแม่แห่งชาติ



วันแม่แห่งชาติ

ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยริเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนถึงปัจจุบัน

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เลือกหวีให้เหมาะกับผมของสาวๆ


อย่างที่สาวๆ ทราบกันดีนะคะว่า การแปรงผม หรือหวีผมบ่อยๆ นั้นจะเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันบนหนังศรีษะให้เริ่มผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมาบำรุงเส้นผมให้เงางามและนุ่มสลวย สาวๆ ควรจะแปรงผมเป็นประจำในช่วงเช้าและช่วงเย็นเพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากเส้นผม

แต่สาวๆ ไม่ควรแปรงผมขระที่ผมเปียกอยู่นะคะ เพราะขณะที่ผมเปียกนั้นเส้นผมจะมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งทำให้เส้นผมแตกหักได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเลือกแปรงให้เหมาะกับลักษณะเส้นผมหรือทรงผมก็มีส่วนสำคัญเช่นกันค่ะ

ผมยาว :: สาวๆ ผมยาวถ้าอยากมีผมสลวยสวยเก๋ล่ะก็ สาวๆ ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเป็นเหล็กและบุด้วยยาง จะช่วยให้เส้นผมไม่พันกันขณะหวี การเลือกใช้หวีชนิดนี้จะช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตที่จะทำให้เส้นผมชี้ฟูไม่เป็นทรงได้ด้วค่ะ

แต่ถ้าสาวๆ ต้องการจัดทรงผมก็ควรใช้แปรงกลมขนาดใหญ่ที่ช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้น และทำให้ปลายผมได้รูปสวยและไม่ชี้ไปชี้มาค่ะ

ผมยาวประบ่า :: สาวๆ ที่มีผมยาวประบ่า ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเรียวเล็กและบุด้านหลังด้วยยาง ถ้าขนแปรงยาวจะช่วยให้ผมไม่พันกัน ส่วนขนแปรงสั้นจะช่วยให้ผิวของเส้นผมเรียบลื่นนุ่ม


ผมยาวประบ่า :: สาวๆ ที่มีผมยาวประบ่า ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเรียวเล็กและบุด้านหลังด้วยยาง ถ้าขนแปรงยาวจะช่วยให้ผมไม่พันกัน ส่วนขนแปรงสั้นจะช่วยให้ผิวของเส้นผมเรียบลื่นนุ่มสลวยค่ะ

ผมสั้น :: สาวมาดเท่ที่ไว้ผมสั้น ควรเลือกแปรงที่มีรูปทรงสีเหลี่ยม ขนแปรงยาวสั้นสลับกัน จะช่วยยกโคนผมให้ดูมีน้ำหนักและไม่ลีบแบนค่ะ

ผมหยักโศก :: สาวๆ ที่มีผมหยักโศกอาจจะพบกับหาเรื่องการจัดทรงผมค่อนข้างบ่อย สาวๆ ควรเลือกใช้หวีที่มีลักษณะคล้ายคราดแทนแปรง โดยเลือกที่ด้ามหวีกว้างแบนและห่าง เพราะหวีลักษณะนี้จะช่วยรักษาสภาพลอนผมให้เป็นทรงฟูได้เป็นอย่างดีค่ะ

เห็นรึเปล่าล่ะค่ะว่า การเลือก "หวี" หรือ "แปรง" สำหรับหวีผมนั้นก็มีความสำคัญกับเส้นผมของสาวๆ ไปไม่น้อยกว่าการบำรุงวิธีต่างๆ เลย เพราะจะนั้นต่อไปนี้สาวๆ ก็ต้องเลือกใช้หวี หรือแปรง ให้เหมาะกับผมของสาวๆ ด้วยนะคะ สาวๆ จะได้มีผมสวยๆ เงางามไว้อวดเพื่อนๆ ยังไงล่ะ



วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ห้องน้ำ อย่ามองข้าม เชื้อโรค ในห้องน้ำ


ห้องน้ำ...มุมที่เราหลายคนระวังตัวน้อยที่สุดในบ้าน แต่รู้ไหมคะว่าถ้าดูแลไม่ดีพอในห้องน้ำจะกลายเป็นแหล่งชุมนุมของเชื้อโรคขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามากมายเชียวล่ะ

1. ผ้าม่านพลาสติก

มีคำยืนยันจากนักจุลชีววิทยาแล้วค่ะว่า คราบสีดำที่เกาะอยู่กับผ้าม่านพลาสติกในห้องน้ำนั้นก็คือแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่จะช่วยทำให้แบคทีเรียชนิดนี้เติบโตได้ดีก็คือละอองจากการเรอ จาม และไอของคนค่ะ

Safety Tip ควรถอดผ้าม่านพลาสติกไปซักอาทิตย์ละครั้งหรืออย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง

2. ฟองน้ำถูตัว

ฟองน้ำที่ใช้ถูตัวที่เป็นสิ่งชำระความสกปรกตามซอกต่างๆ ของร่างกาย แถมยังต้องเปียกชื้นอยู่เกือบตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นอย่างดี

Safety Tip คุณแม่ควรเลือกฟองน้ำถูตัวที่ไม่หนามาก ซักฟองน้ำถูตัวด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังใช้ และควรแขวนตากให้แห้งด้วย

3. แปรงสีฟัน

ห้องน้ำมีเชื้อโรคหลายชนิด หนึ่งในเชื้อโรคนั้นคือโรตาไวรัสและเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสที่ติดโดยการสัมผัสผ่านทางจมูกและปาก เพราะฉะนั้นต้องระวังของใช้ส่วนตัว(ชิ้นเดียว)ที่มักวางอยู่ในห้องน้ำและต้องเอาเข้าปากอย่างแปรงสีฟันเป็นพิเศษ

Safety Tip หากล่องเก็บแปรงสีฟันโดยเฉพาะที่มีรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันความเปียกชื้น และล้างแปรงสีฟันทุกครั้งก่อนแปรงฟัน

4. อ่างล้างหน้า

เป็นที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ชอบความเปียกชื้นเป็นพิเศษ ในบางบ้านอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาศัยอยู่ด้วย

Safety Tip ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรทำความสะอาดทุกวัน

5. ชักโครก

เครื่องใช้ที่รองรับของเสียทั้งหลายจากร่างกาย ไม่ต้องบอกก็พอเดากันได้ว่าการทำธุระส่วนตัวแต่ละครั้งจะมีเชื้อโรคแพร่กระจายมากมายแค่ไหน แถมใต้ฝารองนั่งก็ยังมีเชื้อโรคต่างๆ แฝงอยู่ไม่น้อย

Safety Tip ล้างชักโครกด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกอาทิตย์ และอย่าลืมยกฝาชักโครกขึ้นขัดทำความสะอาดด้วยนะคะ

6. ผ้าเช็ดมือ-เช็ดเท้า

เพราะเปียกชื้นอยู่แทบตลอดเวลา หากคุณแม่มีแต่เช็ด เช็ด เช็ด แล้วก็เช็ด แต่ไม่เปลี่ยนผืนบ้าง ผ้าเช็ดมือ-เช็ดเท้าจะกลายเป็นที่อาศัยของเชื้อราไปโดยปริยาย

Safety Tip ควรแขวนผ้าเช็ดมือหรือวางผ้าเช็ดเท้าในที่ลมผ่าน หรือเอาออกมาตากให้แห้งหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่หมักหมมของเชื้อโรคที่รักความอับชื้นทั้งหลาย

ห้องน้ำอากาศไม่ถ่ายเทและชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นยอดทีเดียว กิจวัตรประจำวันทุกวันของเราในห้องน้ำก็มีส่วนทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้อย่างดี
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือคุณแม่ต้องรู้เท่าทันจุดที่มีเชื้อโรคหมักหมมหรือก่อตัวได้ง่ายและหมั่นทำความสะอาดแหล่งเพาะเชื้อโรคนั้นเป็นประจำค่ะ

สำนวนอังกฤษที่จำเป็นในการจัดการโปรเจ็ค

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการโปรเจ็คหรือเป็นหนึ่งในทีมงานนั้น คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้สำนวนในการดำเนินโปรเจ็คได้เพราะในปัจจุบัน จะถูกใช้กันอย่างมากมายในออฟฟิศทั่วโลก ปัญหาก็คือคุณไม่สามารถหาคำแปลสำนวนเหล่านี้ได้จากดิกชันนารี เรียนรู้จากคำแนะนำจของเราเรื่องสำนวนภาษาที่ใช้กันในออฟฟิศเพื่อเตรียม พร้อมสำหรับโปรเจ็ควันพรุ่งนี้!

Define the scope หนึ่งในก้าวแรกของการดำเนินโปรเจ็คคือการระบุผลกระทบและขอบเขตของโปรเจ็ค หรือการสร้างproject scope และscopeควรให้รายละเอียดถึงผลิตผลสุดท้ายที่โปรเจ็คนี้ก่อให้เกิด

Establish a timeline ต่อไปคุณควรตัดสินว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าใดในการทำแต่ละขึ้นตอนของโปรเจ็คนั้นให้สมบูรณ์โดยการสร้างtimeline เพื่อที่คุณจะรู้ว่าคุณอยู่จุดไหนของโปรเจ็คและทำเวลาได้ดีตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่จนกว่าโปรเจ็คนั้นจะสิ้นสุดลง

Specify target outcomes คุณจะวัดความสำเร็จของโปรเจ็คได้อย่างไร? มันสำคัญที่คุณต้องระบุ target outcomes หรือผลที่ต้องการที่ประมาณผลประโยชน์ได้เพื่อใช้ในการวัดความสำเร็จของโปรเจ็ค

Determine necessary outputs พิจารณาถึงผลผลิต บริการ ธุรกิจ การจัดการ หรือที่กล่าวรวมๆ ว่า outputs ที่จำเป็นเพื่อที่คุณจะบรรลุ target outcomes ให้เป็นผลสำเร็จ

Put a project team together บุคคลกรเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จของโปรเจ็จของคุณ เลือกสรรเอาพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาร่วมในproject teamของ คุณ นั่นคือทีมของผู้คนที่ร่วมกันทำงานเพื่อทำโปรเจ็คนั้นให้เป็นผลสำเร็จอย่าง ที่ตั้งไว้ คุณควรมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบให้แต่ละคนอย่างเหมาะสม

Record milestones เมื่อสมาชิกใน project team แต่ละคนทำสิ่งที่รับผิดชอบหรือขั้นตอนใดที่ระบุไว้สิ้นสุดลงแล้ว อย่าลืมทำการลงบันทึกไว้ด้วย Milestonesหมายถึงทั้งสิ่งที่สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ และสามารถใช้บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของโปรเจ็ค

Create baseline metrics ความก้าวหน้าและการดำเนินไปของโปรเจ็คควรถูกประเมินโดยใช้ baseline metrics, ซึ่งก็คือกลุ่มของตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดสมรรถภาพของโปรเจ็ค

Set a budget cost ตัดสินว่าคุณกะว่าโปรเจ็คนี้จะใช้งบประมาณเท่าใด และตั้งbudget costไว้ตั้งแต่การเริ่มต้นของโปรเจ็ค คุณสามารถปรับปรุง budget ของคุณและเพิ่มรายละเอียดได้ในภายหลัง

Produce deliverables เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปเป็นผลอย่างน่าพอใจตามที่ตกลงไว้ อย่าลืมเตรียมdeliverables, อย่างเช่นรายงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำให้สมบูรณ์ แล้วก็ต้องทำให้เสร็จทันเวลาตามที่กำหนดไว้ด้วย!

Execute risk management ในทุกโปรเจ็คจะมีrisks หรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบถึงความสำเร็จหรือความล่าช้าของโปรเจ็คอยู่ด้วยเสมอ ผู้จัดการโปรเจ็คที่ดีจะดำเนินการกับ risk management โดยการระบุ วิเคราะห์ ประเมิน และกำจัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ศัลยกรรมสไตล์เกาหลีฮิต วัยรุ่นแห่เลียนแบบ!!


สวยด้วยมีดหมอ ไม่ได้เป็นกระแสฮอตเฉพาะในหมู่แวดวงคนบันเทิง ดารา นางแบบ นักร้อง หรือนางงาม ที่ต้องหากินอยู่กับความสวยความงามเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ กระแสนิยมการทำศัลยกรรมเสริมความงาม กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นวัยทีน ที่ร่ำร้องอยากสวยใสแบบสาวเกาหลี...ซะเหลือเกิน!!

คำยืนยันจากศัลยแพทย์มือหนึ่งของเมืองไทย นพ.ปรีชา เตียวตรานนท์ หัวหน้าทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง แผนกศัลยแพทย์ตกแต่ง โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ฉายให้เห็นแนวโน้มว่า สมัยก่อนการทำศัลยกรรมยังจำกัดอยู่ในกลุ่มแวดวงบันเทิง รวมถึงสาวประเภทสอง แต่ระยะหลังมานี้ ความนิยมในการทำศัลยกรรมเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มสาวทำงาน มีจำนวนมากที่เก็บเงินเก็บทองมาทำตาสองชั้น, เสริมจมูก และที่น่าแปลกใจคือ ในระยะ 10 ปีมานี้ สาวไทยนิยมทำหน้าอกเพิ่มความอึ๋มกันเยอะขึ้นมาก จาก 0% พุ่งขึ้นเป็น 100% เพียงแต่ยังปกปิดเป็นความลับ เพราะถือเป็นจุดที่น่าอายที่สุด

ไม่เฉพาะแต่สาวทำงานเท่านั้น แม้แต่กลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ก็หันมานิยมการทำศัลยกรรม!! คุณหมอปรีชา เล่าว่า ในช่วง 2-3 ปีนี้ มีเด็กวัยรุ่นมาทำศัลยกรรมกับหมอเยอะมาก แต่กลุ่มนี้จะค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาอย่างดี เข้าใจและรู้หมดว่าตัวเองกำลังทำอะไร อย่างบางคนอายุแค่ 15 - 16 ปี ก็ขอเสริมหน้าอกแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะนิยมเสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นแค่คัพเดียว ไม่ต้องการไซส์มโหฬาร การทำหน้าอกมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีและหลายราคา สมัยก่อนเสริมหน้าอก เสียค่าใช้จ่าย 25,000 บาท แต่สมัยนี้ราคาพุ่งขึ้นเป็น 120,000 - 150,000 บาท ถ้าทำจมูกก็ตกราว 15,000 - 30,000 บาท จากสมัยก่อน ทำจมูกคิดแค่ 3,000 บาท

นอกจากจะฮิตการเสริมหน้าอกเพิ่มอึ๋มแล้ว คุณหมอยืนยันว่า เทรนด์การทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลีก็มาแรงมาก วัยรุ่นไทยสมัยนี้ จะตัดรูปดาราเกาหลีมาให้หมอดูเป็นตัวอย่างว่า อยากได้ตาแบบนี้ จมูกแบบนี้ การทำศัลยกรรมสไตล์เกาหลี จะเน้นความเป็นธรรมชาติ มองด้วยตาเปล่าไม่รู้ว่าทำศัลยกรรม อย่างเช่น การทำตา จะเป็นตาสองชั้นทรงสระอิแบบเอเชีย หรือไม่ก็สองชั้นหางตาเตียวเสี้ยน มากกว่าจะเป็นตาสองชั้นใหญ่เป็นตากบดูลึกโบ๋แบบฝรั่ง ส่วนจมูก ก็นิยมแบบโด่งตรงและคม ไม่โด่งตั้งแบบฝรั่ง หรือเรียวแหลม บางคนยังเหลาคางให้เรียวลงด้วย แต่หมอจะไม่ค่อยแนะนำให้ทำ เพราะการเหลาคางเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องคุยกันให้เคลียร์ว่าอยากทำจริงๆ

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนุ่มไทยจำนวนไม่น้อย ยังมาหาหมอเพื่อทำอวัยวะเพศจากเล็กให้ใหญ่เบิ้มขึ้นด้วย... "การผ่าตัดขยายขนาดอวัยวะเพศชาย เสียค่าใช้จ่าย 100,000 - 200,000 บาท โดยเทคนิคการทำต้องเริ่มจากการยืดอวัยวะเพศชายให้ยาวขึ้นราว 1 นิ้ว จากนั้นใส่วงแหวนเพื่อเพิ่มรอบวงขนาดอวัยวะเพศให้ใหญ่ขึ้น แต่ต้องระวังอย่างมาก ห้ามตัดโดนเส้นประสาทเด็ดขาด เพราะจะทำให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม"

ส่วนการทำศัลยกรรมแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน คุณหมอปรีชาก็ได้แสดงฝีมือมาเยอะแล้วไม่ว่าจะเป็น การเสริมก้นให้อวบอิ่ม ทำโดยผ่าร่องก้นตรงกลาง แล้วสอดถุงซิลิโคนเข้าไปในแก้มก้นทั้ง 2 ข้าง สนนราคาอยู่ที่ 150,000 บาท อีกเคสที่น่าสนใจก็คือ การผ่าตัดแปลงเพศเปลี่ยนผู้หญิงเป็นผู้ชาย!! อันนี้นิยมทำในหมู่ทอมญี่ปุ่น เริ่มต้นคุณหมอจะให้คุยกับจิตแพทย์จนแน่ใจว่าอยากเป็นผู้ชายจริงๆ จากนั้นให้ฮอร์โมนเพศชายต่อเนื่องกัน 6 เดือน เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อม

เมื่อถึงเวลาผ่าตัด หมอจะเริ่มจากการตัดมดลูก, ตัดรังไข่ และปิดช่องคลอด แล้วจึงทำอวัยวะเพศชาย โดยใช้หนังและเส้นประสาทจากแขนคนไข้ หรือหน้าท้อง มาหุ้มซิลิโคนทำเป็นอวัยวะเพศชายและไข่ ผลที่ได้รับก็คือ ยืนปัสสาวะได้, มีอวัยวะเพศเหมือนกับจู๋ของเด็ก และสามารถร่วมเพศได้ แต่ไม่มีความรู้สึกเหมือนชายแท้ การผ่าตัดแบบนี้เสียค่าใช้จ่ายราว 300,000 บาท คนไข้ต้องทานฮอร์โมนเพศชายตลอดชีวิต

อย่างไรก็ดี คุณหมอปรีชากล่าวย้ำว่า การทำศัลยกรรมไม่มีอันตรายอย่างที่คิด ถ้าทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และใช้ซิลิโคนแบบเพียวริไฟล์ สำหรับทางการแพทย์จริงๆ พักฟื้นแค่อาทิตย์เดียว ก็กลับไปทำงานได้ ส่วนที่มีข่าวจมูกเน่า หรือนมเน่า ส่วนใหญ่เกิดจากคลินิกเถื่อน ใช้ซิลิโคนผิดประเภท เช่น เอาซิลิโคนรถยนต์มาใส่ให้คนไข้ ถ้าอยากทำศัลยกรรม ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีถึงผลดีผลเสีย เพราะการทำศัลยกรรมคือการผ่าตัด ไม่ใช่การเสริมสวย ยังไงก็มีความเสี่ยงในตัวเอง!!

***เอ... แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ สนใจอยากจะทำ "ศัลยกรรม" กันบ้างรึเปล่า? คิดดีๆ นะคะ ^O^/ การศัลยกรรม เป็นเรื่องที่เสียงอยู่เหมือนกันนะ...สวยแบบธรรมชาติให้มาน่าจะดีกว่าเนอะ ^ ^

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไว้อ่าน…เมื่อทะเลาะกับแฟน


ชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้



ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้น
แต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้น
อย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึก “ไม่ธรรมดา”
ที่จะนึกถึง เรียกว่าเป็น “ความพิเศษ”
ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจ
ก็ในเมื่อคำว่า “พิเศษ” หมายถึงความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ
กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิด


ให้ “ความรู้สึกดีดี” จากจิตใจที่ดีดี
ให้ “ความอาทรถึง” จากจิตใจที่นึกถึง
ให้ “ความห่วง” จากจิตใจที่เป็นห่วง
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี “สติ”
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ “คุกรุ่น”
ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้ แต่เมื่อให้ไปแล้วต้อง “ไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม”


และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้าง
ก็จงหยุดพักตรึกตรอง อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด
“สิ่งดีดี” จนกระจัดกระจาย
เพราะ “การให้ความหมาย” ไม่ใช่ “การตั้งความหวัง”
คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน แต่คนสองคน
“จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน”
เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่ง “การเรียกร้อง”
“ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ” โดยที่ไม่รู้ตัว
มันร้อนนัก หนาวนัก และไม่เป็นสุข
เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่นๆ
หากเริ่มรู้สึกตัวว่า ความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อยๆ
เดินออกมาสูดอากาศเย็น
หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกัน
และอย่าลืมว่า “ความพิเศษ”
ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุด
หรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียว
ทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ
พิเศษในเรื่องนั้น พิเศษในเรื่องนี้
ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา
เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้ที่เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์อย่างพิเศษกลับมา


จงให้ “ความพิเศษ” เป็นชีวิตชีวา
เป็นแววตาที่แจ่มใส
เป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้
ไม่วิ่งหนี แต่ไม่วิ่งตาม
ไม่หักห้าม แต่ไม่กระโจนใส่
ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหว
แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทร
จงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำ
เป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้
ที่เย็นที่ตาและที่ใจ
และที่ตรงนี้ จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า “คนพิเศษ” คนนั้นจะอยู่ใกล้หรือต้องจากกันไกล
“ความพิเศษ” นั้นก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ ที่เดิม ที่ซึ่งใจข้างซ้ายตรงกัน


วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชุดประจำชาติ Miss Universe


หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางสำหรับโครงการ ออกแบบ ชุดประจำชาติ สำหรับตัวแทนสาวไทยไป ประกวด นางงามจักรวาล (Miss Universe®) เมื่อปีที่ผ่านมา

ล่าสุด สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เดินเครื่องเติมความฝันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ชาวไทยอีกครั้ง โดยในปีนี้มีผลงานส่งเข้ามาร่วมโครงการถึง 1,476 ผลงาน โดยผลงานที่โดดเด่นชนะใจคณะกรรมการตัดสินได้แก่ “ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” ของ นายธัชกร ตั้งธนกรกิจ คว้าเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวดนางงามจักรวาล 2009 (2009 Miss Universer)

ด้าน ธัชกร ตั้งธนกรกิจ เจ้าของผลงาน “ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” เปิดเผยถึงแนวคิดและแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานชิ้นนี้ว่า “การออกแบบชุด ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ อยู่ภายใต้แนวคิด Creative Thai ที่ทางกองประกวดมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์สกำหนดไว้ ซึ่งผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ความสวยงามของผู้หญิงไทย ที่นอกจากจะมีความงามจากภายนอกแล้ว ยังงดงามออกมาจากภายในจิตใจ มีประกายความสดใสผ่องอำไพดุจดังทอง สมกับคำว่า สุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งหญิงงาม”

โดยท่อนบนของชุด คาดด้วยผ้าทอสีเนื้อ ท่อนล่าง เป็นผ้านุ่งที่ใช้ผ้าทอสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ มีลวดลายแสดงถึงเอกลักษณ์ไทย นำมาจับ พับซ้อนให้เกิดระดับชั้น ซึ่งจะทำให้ผ้าผืนเรียบดูมีมิติราวกับมีชีวิตขึ้นมา ขณะที่ด้านหน้าของผ้านุ่งคาดทับด้วยผ้าปักลายนูน ตกแต่งด้วยดิ้นเงินระยิบระยับ

ส่วนเครื่องประดับ ได้แนวคิดจากเครื่องประดับของชาวไทยภูเขาที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความงาม โดยนำทองเหลืองหลายชิ้นหลายขนาดซ้อนกันจนถึงระดับอก และให้พาดผ่านไหล่เสมือนสไบทองคำแท่งยาวจรดพื้น”

ธัชกร ตั้งธนกรกิจ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านภูมิสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปัจจุบันเป็นนักออกแบบอิสระ เจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน และดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการสมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย

สำหรับผลงาน “ญ.งามท้องถิ่นสุวรรณภูมิ” จะถูกนำไปพัฒนารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อตัดเย็บเป็นชุดประจำชาติ

ส่วน ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2552 สวมใส่ขึ้นเวทีการประกวดนางงามจักรวาล 2009 (2009 Miss Universe®) ที่เครือรัฐบาฮามาส เดือนสิงหาคม นี้ และหากชุดดังกล่าวได้รับการคัดเลือกเป็นชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ช่อง 7 สี จะมอบเงินรางวัลพิเศษ 30,000 บาท ให้แก่ นายธัชกร ตั้งธนกรกิจ ผู้ออกแบบอีกด้วย

ทั้งนี้ โครงการออกแบบชุดประจำชาติ สำหรับตัวแทนสาวไทยไปประกวดนางงามจักรวาล จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยผลงานที่ชนะเลิศในปีที่ผ่านมาได้แก่ “Spirit of Fighting” ของ นายสถาปัตย์ มูลมา นักศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อ กวินตรา โพธิจักร มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551 ได้รับการประกาศให้ได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม บนเวทีนางงามจักรวาล 2008 (2008 Miss Universe®) ณ ประเทศเวียดนาม


ผมสั้น น่ารัก



วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ดูแลตัวเอง ลุยฝนอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อรา


หากต้องเดินในบริเวณที่มีน้ำขัง ควรก้าวโดยยกเท้าเหนือน้ำ ไม่ควรเดินให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะอาจจะเตะของมีคมที่มองไม่เห็น เมื่อเกิดแผลสดทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคได้


เมื่อกลับถึงบ้านควรล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดทันที ถูสบู่บริเวณผิวที่สัมผัสน้ำ เน้นตรงซอกเท้าซอกเล็บ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและไข่พยาธิ จากนั้นเช็ดให้แห้ง อาจใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณหลังเท้า จะช่วยให้รู้สึกสบายไม่อับชื้น
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค แต่หากไม่สามารถอาบน้ำได้ในขณะนั้น ควรทำเสื้อผ้าให้แห้งสนิทโดยเร็ว ป้องกันโรคหวัดและอาการปอดบวม
สระผมให้สะอาด เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปะปนมากับฝน จากนั้นรอให้แห้งแล้วค่อยนอน หากนอนทั้งที่ผมยังไม่แห้ง จะทำเกิดเชื้อราและรังแคได้


ทางที่ดีฤดูฝนแบบนี้ ควรพกร่มเป็นอุปกรณ์คู่กายไว้รับสภาพเปียกแฉะที่อาจคาดไม่ถึง รวมทั้งดูแลตัวเองให้อับชื้นน้อยที่สุด จะช่วยป้องกันการเสี่ยงติดเชื้อราได้

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้


แพทย์เตือนสาว ๆ ที่ชอบใส่กางเกงยีนส์คับ ๆ จะทำให้ประสาทตามผิวหนังที่วิ่งขึ้นไปจนถึงโคนขา เกิดอาการขาเป็นเหน็บ แนะหากเกินอาการต้องรีบถอดกางเกงออกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางประสาทวิทยากล่าวเตือนสาวผู้รักสวยรักงามทั้งหลายว่า การพยายามยัดเยียดตัวเองลงไปในกางเกงยีนส์คับ ๆ รัดติ้ว อาจสร้างความทรมานตนเอง ด้วยอาการของเส้นประสาทที่เรียกว่า "อาการเป็นเหน็บของต้นขา" ขึ้นได้หนังสือพิมพ์ "เดอะ นิว ยอร์ก เดลี่ นิวส์" รายงานกล่าวว่า อาการบีบรัดของกางเกงยีนส์ จะทำให้ ประสาทตามผิวหนัง ซึ่งวิ่งขึ้นไปจนถึงโคนขา เกิดอาการขาเป็นเหน็บหรือปวดแสบปวดร้อนขึ้นตามขา สาวน้อยผู้เคยรู้รสมาแล้วเล่าว่า "มันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับขาของฉันหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นไปแล้ว"หมอจอห์น อิงแลนด์ แห่ง "แพทย์ประสาทวิทยาสมาคมแห่งอเมริกา" กล่าวว่า "เส้นประสาทของคนบางคนแพ้กับการถูกบีบรัด มันเป็นประสาทที่รับความ รู้สึก ไม่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือส่วนที่ก่อให้เกิดพละกำลัง ดังนั้น หากอะไรมารัดแถบรอบ ๆ ก็อาจทำให้เส้น ประสาทถูกบีบรัดได้ข้อสำคัญ เมื่อเกิดเป็นเช่นนั้น ควรจะรีบถอดออก เพื่อเส้นประสาทจะได้ซ่อมแซมตัวเองให้กลับคืนดีดังเดิม"

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

PoR

PoR

i like tinker bell

i like tinker bell