วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้


แพทย์เตือนสาว ๆ ที่ชอบใส่กางเกงยีนส์คับ ๆ จะทำให้ประสาทตามผิวหนังที่วิ่งขึ้นไปจนถึงโคนขา เกิดอาการขาเป็นเหน็บ แนะหากเกินอาการต้องรีบถอดกางเกงออกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางประสาทวิทยากล่าวเตือนสาวผู้รักสวยรักงามทั้งหลายว่า การพยายามยัดเยียดตัวเองลงไปในกางเกงยีนส์คับ ๆ รัดติ้ว อาจสร้างความทรมานตนเอง ด้วยอาการของเส้นประสาทที่เรียกว่า "อาการเป็นเหน็บของต้นขา" ขึ้นได้หนังสือพิมพ์ "เดอะ นิว ยอร์ก เดลี่ นิวส์" รายงานกล่าวว่า อาการบีบรัดของกางเกงยีนส์ จะทำให้ ประสาทตามผิวหนัง ซึ่งวิ่งขึ้นไปจนถึงโคนขา เกิดอาการขาเป็นเหน็บหรือปวดแสบปวดร้อนขึ้นตามขา สาวน้อยผู้เคยรู้รสมาแล้วเล่าว่า "มันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับขาของฉันหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นไปแล้ว"หมอจอห์น อิงแลนด์ แห่ง "แพทย์ประสาทวิทยาสมาคมแห่งอเมริกา" กล่าวว่า "เส้นประสาทของคนบางคนแพ้กับการถูกบีบรัด มันเป็นประสาทที่รับความ รู้สึก ไม่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือส่วนที่ก่อให้เกิดพละกำลัง ดังนั้น หากอะไรมารัดแถบรอบ ๆ ก็อาจทำให้เส้น ประสาทถูกบีบรัดได้ข้อสำคัญ เมื่อเกิดเป็นเช่นนั้น ควรจะรีบถอดออก เพื่อเส้นประสาทจะได้ซ่อมแซมตัวเองให้กลับคืนดีดังเดิม"

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

มันคือ..ลูกปัด ..!!







คนลาโลกหน้าร้อนกว่าหน้าหนาว


สถาบันคาโรลินสกาเปิดเผยผลการสำรวจ ระบุว่า ช่วงเวลาที่ยาวนานของฤดูร้อน ส่งผลให้คนเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากฆ่าตัวตาย เนื่องจากเกิดการนอนไม่หลับ และพักผ่อนไม่เพียงพอ



ผลสำรวจค้นคว้าโดยสถาบันคาโรลินสกา ประเทศสวีเดน ซึ่งเผยแพร่ลงในวารสารเกี่ยวกับจิตเวช ไบโอเมด พบข้อมูลใหม่ว่า สถานที่ที่มีแดดส่องจ้าอย่างในกรีนแลนด์ ตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีช่วงฤดูร้อนที่ยาวนาน พระอาทิตย์ไม่ตกดินระหว่างสิ้นเดือน เม.ย.จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. เป็นสาเหตุให้ พลเมืองประสบปัญหานอนไม่หลับทำให้มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดอารมณ์ชั่ววูบฆ่าตัวตาย ทิ้งความคิดเก่าที่เชื่อว่าแนวโน้มคนคิดสั้นสูงในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาว เพราะสภาพอากาศมืดหม่น


ข่าวระบุ คาริน สปาร์ริง บิยอร์กสเตน หัวหน้าคณะนักวิจัยสำรวจคนในเมืองกรีนแลนด์ที่ฆ่าตัวตายทุกฤดูตั้งแต่ปี 2511-2545 พบอัตราการลาโลกอยู่ในช่วง หน้าร้อนสูงถึง 82%


ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่ม แล้วราว 95% มักใช้วิธีรุนแรง เช่น ยิงตัวเอง แขวนคอ และกระโดดลงมาจากที่สูง ๆ ปัจจัยหลักประกอบด้วยแดดจัดแทบตลอดทั้งวัน กับอาการกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ สมองก็หลั่งสารเซโรโทนินที่เกี่ยวกับอารมณ์เครียด ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (ฮู) ประเมินว่า ในแต่ละปีมีชาวโลกเบื่อชีวิตขอลาตาย 877,000 ราย ซึ่งในแต่ละรายพยายามคิดฆ่าตัวตาย 10-40 ครั้ง


ขณะเดียวกัน สมาคมยานยนต์อเมริกัน (เอเอเอ) ซึ่งมีสมาชิกทั่วประเทศ 51 ล้านคน คาดว่าช่วงหน้าร้อนนี้จะต้องยกมอเตอร์ไซค์ 7.3 ล้านคัน และรถกว่า 3 ล้านคัน ที่จอดเสียข้างถนนมาซ่อมที่ศูนย์ตามสาขาต่าง ๆ เพราะค่าน้ำมันที่ถูกลง กว่าปีกลายเกือบ 1.60 เหรียญสหรัฐฯ ผู้บริโภคยังใช้รถคันเก่าและซ่อมบำรุงกันน้อยลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายตามภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้เสี่ยงรถเสียระหว่างทาง

USB สุดเริ่ด!!











"เอสเอ็มเอส" ดูดเงิน!! หลุมพรางผู้บริโภค

นี้หากไม่อยากตกยุคต้อง “ไร้สาย” ไม่รู้เพราะความเร่งรีบแห่งยุคสมัยผลักสิ่งต่าง ๆ ที่ “มีสาย” ให้ตกยุคหรือไม่...? ดูอย่างสาวรุ่นจากนิยมใส่ “สายเดี่ยว” กลายเป็น “เกาะอก” แม้แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังไร้สาย เช่นเดียวกับ “โทรศัพท์มือถือ” ซึ่งเขี่ยโทรศัพท์สาธารณะตกกระป๋อง!! มือถือเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนไทยตั้งแต่ “รากหญ้า” ถึง “ยอดหญ้า” ขณะที่ผู้ให้บริการต่างใช้กลยุทธ์จูงใจผู้บริโภคกันเต็มที่ มีบริษัทมากมายเปิดตัวเพื่อให้บริการ “โหลด ลด แลก แจกกระจาย” ผ่านเอสเอ็มเอสอย่างแพร่หลาย แต่บางครั้งผู้ใช้โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริการเอสเอ็มเอสผ่านมือถือ!!
สิ่งเหล่านี้ยังเหมือนหลุมพรางรอดักผู้บริโภค ซึ่ง ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เล่าว่า จาก การที่หน่วยงานรับเรื่องร้องทุกข์ ของผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมผ่านบริการเอสเอ็มเอสตั้งแต่สองปีที่ผ่านมามีเพิ่มขึ้น เห็นได้จากเดือนมกราคม 2552 มีผู้โทรฯ มาแจ้งแล้ว 5 ราย อันแสดงให้เห็นถึงความเดือดร้อนของผู้บริโภคเริ่มแผ่วงกว้างมาก

จากสถิติปัญหาเอสเอ็มเอสที่ร้องเรียนมากที่สุดคือ

1. เมื่อสมัครแล้วไม่สามารถบอกเลิกการใช้บริการได้ เช่น บริการข่าวเอสเอ็มเอส เมื่อผู้บริโภคโทรฯ แจ้งเครือข่ายบอกเลิกบริการข่าวผู้รับสายจะบอกปัด ให้โทรฯไปแจ้งบริษัทที่ทำการส่งข่าว แต่พอโทรฯ ไประบบทำการโอนสายไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งไม่มีผู้รับสาย
2.ผู้ใช้บริการมีความรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิ เพราะเบอร์โทรศัพท์เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่ควรนำไปเผยแพร่แก่ผู้อื่น เช่น เอสเอ็มเอสขายของต่าง ๆ
3.รู้สึกถูกรบกวนจนไม่เป็นอันทำงาน เนื่องจากเอสเอ็มเอสการบริการต่าง ๆ ดังทั้งวันทำให้เกิดความรำคาญและรบกวน สมาธิ “ทั้งสามปัญหานี้เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ซึ่ง กทช. มีหน้าที่ดูแลแค่ตัวบริการ ไม่สามารถดูลึกถึงเนื้อหาของการบริการได้ เหมือนกับมีหน้าที่แค่ดูแลการส่งจดหมายไม่สามารถเปิดซองจดหมายอ่านได้”

หากมองในแง่ความเป็นจริงผู้บริโภคสามารถบอกเลิกการบริการจากคอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายได้ทันทีเพราะเครือข่ายได้ทำสัญญากับบริษัทต่าง ๆ ที่บริการผ่านเอสเอ็มเอส โดยทั้งสองฝ่ายต่างได้ส่วนแบ่ง ซึ่งเครือข่ายต้องมีส่วนในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค ขณะนี้ผู้ให้บริการนิยมให้ทดลองใช้ฟรี ประวิทย์ มองว่า หากหมดช่วงเวลาการใช้บริการฟรี ผู้บริการควรส่งข้อความเพื่อยืนยันการรับบริการ ไม่ใช่ให้บริการต่อโดยไม่มีการยืนยันจากผู้บริโภค เช่น ทดลองรับข่าวฟรี 7 วัน พอครบกำหนดก็ไม่มีระบบยืนยันการใช้บริการแต่ทำการหักเงินจากมือถือทันที ซึ่งผู้บริโภคกำลังถูกเอาเปรียบอย่างเห็นได้ชัดผู้ให้บริการผ่านระบบเอสเอ็มเอสควรระบุที่มาอย่างชัดเจน และต้องมีหมายเลขที่ติดต่อได้แจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างละเอียด ตลอดจนบอกวิธีการยกเลิกบริการตั้งแต่แรกเริ่มสมัครใช้ นอกจากนี้ควรกำหนดระยะเวลาการใช้บริการ เช่น ครบ 3 เดือน แล้วสมัครใหม่ เป็นต้น

นอกจากนี้หากไม่สมัครบริการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้ามีผู้แอบอ้างสามารถแจ้งเครือข่ายระงับได้ทันทีส่วน กทช. กำหนดไว้ว่า ผู้ใช้บริการสามารถบอกเลิกบริการได้ตลอดเวลา ในประเทศไทยยังเป็นช่องว่างทางกฎหมายซึ่งยังไม่ครอบคลุมสิทธิผู้บริโภค ต่างจากหลายประเทศที่มีระบบการจัดการรบกวนเพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความเป็นส่วนตัว เช่น ฮ่องกง ผู้ใช้บริการที่ไม่ต้องการรับเอสเอ็มเอส สามารถแจ้งความ ประสงค์กับเครือข่ายได้ทันที ซึ่งเมื่อแจ้งแล้วหากมีข้อความบริการเข้ามา ผู้บริโภคสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ ด้านสิทธิของผู้บริโภคที่มีกฎหมายคุ้มครองคือ ถ้าเนื้อหาเอสเอ็มเอสส่อไปในแนวทางที่ไม่ดี สามารถนำกฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมแล้วมาใช้ได้ทันที เช่น ข้อความนี้เนื้อหาเชิญชวนเล่นการพนันสามารถนำพระราชบัญญัติความผิดด้านการพนันมาลงโทษได้ เป็นต้น “ส่วนของ กทช. หากเครือข่ายไม่แสดงความรับผิดชอบสามารถยกเลิกใบอนุญาตได้ ซึ่งเป็นมาตรการสุดท้ายที่หน่วยงานรัฐไม่ต้องการทำเพราะเครือข่ายโทรศัพท์มีผู้ใช้บริการเป็นล้าน ๆ คน หากเพิกถอนประชาชนก็จะเดือดร้อน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เครือข่ายไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควร” ตัวเนื้อหาของผู้ให้บริการเป็นอีกประเด็นช่องว่างทางกฎหมาย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้มือถือระบบเติมเงิน ที่ยังไม่มีการลงทะเบียนผู้ใช้เป็นระบบ ทำให้เด็กบางคนซึ่งยังไม่มีวุฒิภาวะ สามารถโหลดคลิปที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ ขณะเดียวกันเด็กบางคนโหลดทุกอย่างทำให้ผู้ปกครองต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงในแต่ละเดือน ดังนั้นผู้ให้บริการควรจัดประเภทอายุของผู้ใช้เพื่อ ให้บริการที่เหมาะสมกับวัย ขณะเดียวกันการส่งเอสเอ็มเอสยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าบริการ ทำให้ผู้บริการสามารถหักเงินจากบริการเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่ผู้ให้บริการกำหนดนอกจากนี้การส่งข้อความไปหาผู้รับในส่วนต่าง ๆ ยังมีอัตราที่ไม่เท่ากัน เช่น ส่งข้อความไปยังรายการทีวี เพื่อให้ขึ้นหน้าจอต้องเสียค่าส่ง 9 บาท ทั้งที่การส่งข้อความปกติครั้งละ 3 บาท ในความเป็นจริงต้นทุนการส่งข้อความแค่ครั้งละ 50 สตางค์ ซึ่งมีราคาถูกลงกว่าเดิมมากเนื่องจากเทคโนโลยีมีความสะดวกรวดเร็ว ต่างจากยุคแรกที่เริ่มมีการส่ง ข้อความผ่านมือถือต้องเสียเงิน ครั้งละ 150 บาท ที่อันตรายกว่านั้นคือ มีการขายประกันผ่านมือถือ โดยตัวแทนโทรฯมาหว่านล้อมเพื่อให้ผู้ซื้อยอมรับ โดยระหว่างที่พูดตัวแทนจะทำการอัดเสียงเพื่อยืนยันว่า ผู้ซื้อยอมรับ แล้วหลังจากนั้นจึงทำการหักเงินผ่านระบบบัตรเครดิตในแต่ละเดือน ซึ่งพอแจ้งไปยังเครือข่ายมือถือก็บ่ายเบี่ยง จึงอยากเตือนประชาชนให้ระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลเหล่านี้

โลกกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวัน หน่วยงานผู้รับผิดชอบเองก็ต้องตามให้ทันเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จะมัวทำงาน “เช้าชาม เย็นชาม” เหมือนก่อนคงลำบาก

PoR

PoR

i like tinker bell

i like tinker bell