วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อาหาร 10 อย่างที่ไม่ควรกินมากเกิน


เป็นเคล็ดลับการดูแลสุขภาพตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ได้แก่

1.ไข่เยี่ยวม้า ถ้ากินมากและบ่อย อาจเกิดพิษจากสารตะกั่ว การดูดซึมแคลเซี่ยมลดน้อยลง ขาดแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกผุได้

2.ปาท่องโก๋ ใช้สารส้ม ซึ่งมีตะกั่ว เป็นพิษต่อเซลล์สมอง ความจำเสื่อม คอแห้ง เจ็บคอ

3.เนื้อสัตว์ย่าง เกิดสารเบนโซไพริน ก่อมะเร็ง

4.ผักดอง เกิดการสะสมเกลือโซเดียม หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง เป็นโรคหัวใจง่าย

5.ตับหมู ตับหมู 1 กก. มีคอเลสเตอรอลกว่า 400 มก. ถ้ามีมากและนานทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เสี่ยงต่อโรคหัวใจ, หลอดเลือดทางสมอง, มะเร็ง

6.ผักโขม ผักปวยเล้ง มีกรด"ออกซาเลต"มาก ทำให้การขับสังกะสีและแคลเซียมออกจากร่างกายมาก เกิดภาวะขาดแคลนน้ำ

7.บะหมี่สำเร็จรูป ทำให้ขาดสารอาหาร เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย

8.เมล็ดทานตะวัน มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว กินมากทำให้มีการสะสมไขมันที่ตับได้

9.เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้ การหมักมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค และมีสารย่อยโปรตีน ไฮโดรเจนซัลไฟล์ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

10.ผงชูรส ไม่ควรกินเกิน 6 กรัมต่อวัน จะทำให้กรด"กลูตามิก"ในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของประจุแคลเซี่ยมและแมกนีเซียม ทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หมอสะกิดอย่าจุมพิตกันให้พร่ำเพรื่อ ความรักทำให้เป็นเริม


เตือนหนุ่มสาวให้ระวังคนที่จะจูบว่าปากเป็นแผลหรือไม่ หลังพบว่า การจูบกันเป็นช่องทางทำให้เชื้อเริม และเมื่อติดเชื้อแล้วจะคงอยู่ในตัวเราไปตลอดชีวิต...

ฃหมอเมืองจิงโจ้กล่าวเตือนว่า อย่าไปนึกว่า จูบกันไม่เป็นไร จะเจ็บใจได้ภายหลัง เพราะการแสดงความรักแบบนี้ อาจจะเป็นอันตรายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากว่าการจูบกันเป็นช่องทางทำให้เริมติดต่อไปถึงกันได้

หมอทริเซีย เบอเกอ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของสมาคมต่อต้านเริมกล่าวว่า

"ไม่มีพ่อแม่ หรือคู่รักคนไหนต้องการจะให้เชื้อไวรัสเริมไปติดต่อคนอื่น แต่เราควรจะรู้ไว้ว่า การจูบกันเป็นช่องทางทำให้เชื้อติดต่อถึงกันที่สำคัญและเมื่อใดที่ติดเชื้อเข้าแล้ว มันจะคงอยู่ในตัวเราไปตลอดชีวิตและอาจกลับสำแดงเดชขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าใครมีอาการเจ็บแสบแผลเปื่อย หรือเม็ดพองที่ริมฝีปาก หากไปจูบใครเข้า ก็เท่ากับเอาเชื้อไปให้เมื่อนั้น แม้จะไม่มีอาการเป็นแผลเปื่อย ก็ยังอาจเอาเชื้อไปติดได้ ยิ่งเกิดมีแผลเปื่อยจะยิ่งทำให้ติดเชื้อง่ายเข้า"

ผู้อำนวยการบอกต่อไปว่า ทางหน่วยงานจะได้เปิดการรณรงค์ทางสื่อมวลชนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยของโรคเริมเอาไว้.

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวัง! หยุดหายใจขณะหลับ


การนอนหลับในอุดมคติคือ สามารถหลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลับลึกต่อเนื่องเป็นเวลานาน และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น แต่ความจริงมีน้อยคนที่จะโชคดีแบบนี้ เพราะคนส่วนใหญ่มีอัตราการตื่นเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อคืน


การนอนหลับของคนเรานั้นมี 2 ช่วง คือ ช่วงหลับธรรมดา (Non-rapid eye movement sleep: NREM) ที่แบ่งย่อยได้ถึง 4 ระยะ และช่วงหลับฝัน (Rapid eye movement sleep: REM) รายละเอียดแต่ละช่วงมีดังนี้ค่ะ

ช่วงหลับธรรมดา

•ระยะที่ 1 หรือระยะหลับตื้น เป็นระยะที่ยังหลับไม่สนิท ครึ่งหลับครึ่งตื่น
•ระยะที่ 2 หรือระยะหลับจริง มักเกิดขึ้นภายใน 10 นาทีของการหลับตื้น ช่วงนี้อุณหภูมิร่างกายจะลดลง ส่วนอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจจะเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
•ระยะที่ 3 และ 4 หรือระยะหลับลึก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายจะฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สภาพทั่วไปขณะหลับจะมีแรงดันเลือดลดลง หายใจช้าลง รวมทั้งกล้ามเนื้อทำงานน้อยลงด้วย ผู้ที่หลับในระยะนี้มักจะตื่นยาก


ช่วงหลับฝัน

การนอนหลับในระยะนี้จัดเป็นอีกช่วงเวลาสำคัญที่ร่างกายยังคงฟื้นฟูตัวเองต่อเนื่องจากช่วงที่แล้ว และเป็นระยะที่เราจะเกิดความฝัน สภาพทั่วไปขณะนี้จะมีการหายใจค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ

การนอนหลับ จะเป็นไปตามจังหวะสลับกันไปมา 4 รอบ ระหว่างหลับตื้นและหลับลึก กินเวลาเฉลี่ยรอบละราว 90-110 นาที โดยแบ่งเป็นหลับตื้น 75 เปอร์เซ็นต์และหลับลึกอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนช่วงหลับธรรมดากับหลับฝันนั้นจะสลับกันไปมาตลอดคืนเช่นกัน โดยคิดเป็นหลับธรรมดา 75 เปอร์เซ็นต์และหลับฝันเพียง 25 เปอร์เซ็นต์

นอนกรน VS หยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นผลต่อเนื่องจากการนอนกรน เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากอวัยวะในคอใหญ่เกินไป ไม่ว่าจะเป็นลิ้นใหญ่ ลิ้นไก่โต ต่อมทอนซิลโต หรือกล้ามเนื้อในลำคอผ่อนคลายมากเกินไป จากอายุที่เพิ่มขึ้นและจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่ถูกต้อง เมื่อกล้ามเนื้อดังกล่าวตกลงไปไปปิดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ร่างกายต้องพยายามหายใจเข้าออกแรงกว่าปกติ โครงสร้างต่างๆ ในลำคอจึงสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียงกรน ในรายที่ช่องทางเดินหายใจแคบมากๆ จะทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นช่วงๆ ได้

มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนเรานอนกรนและเผชิญภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้ชาย เพราะแต่ละวันผู้ชายใช้พลังงานมากกว่าผู้หญิง จึงมีโอกาสหลับและกรนได้ง่ายกว่า รวมทั้งผู้ชายมักปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเกิดโรคอ้วน มีไขมันสะสมจนทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบได้ รวมทั้งการสูบบุหรี่ที่ทำให้การพัดโบกของเนื้อเยื่อทางเดินหายใจไม่ปกติ การดื่มเหล้าทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจบวม นอกจากนี้การใช้ยาบางตัวก็ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจได้ เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียด ยารักษาภูมิแพ้ รวมไปถึงลักษณะทางกายภาพของสรีระใบหน้าก็มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีกรามสั้น ลิ้นใหญ่คับปาก ต่อมทอนซิลโต ฝาปิดกล่องเสียงอยู่ผิดที่หรือโน้มเอียงไปข้างหน้า หรือคนที่มีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้

เมื่อมีภาวะนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ นั่นหมายความว่าหัวใจคุณต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองและส่วนต่างๆมากขึ้น จนอาจทำให้หัวใจโต เส้นเลือดทำงานหนักขึ้นเสี่ยงต่อการปริแตก ความดันโลหิตสูง เลือดข้นขึ้นเพราะออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ สมองขาดออกซิเจนทำให้ความจำเริ่มเสื่อม และที่คาดไม่ถึงคือ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมตามไปด้วย แต่ที่มีผลกระทบให้เห็นมากที่สุด คือ ประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตประจำวัน คงไม่สนุกแน่ ถ้าคุณต้องง่วงเหงาหาวนอนจนควบคุมตัวเองไม่ได้ตลอดวัน บางคนฟุบหลับขณะขับรถ บางคนหลับคาจานข้าว บางคนสมองเบลอจำอะไรไม่ได้ไปชั่วขณะ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งได้เป็น 3 ระดับ หากคุณหยุดหายใจขณะหลับไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมงจัดว่าเป็นน้อย ถ้าตัวเลขพุ่งสูงขึ้นไปถึง 15 ครั้งต่อชั่วโมงถือว่าเริ่มผิดปกติ และหากเกิดขึ้น 25 ครั้งต่อชั่วโมงขึ้นไปจัดว่าอยู่ในขั้นรุนแรง ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณอยู่ในระดับไหนนั้น ต้องไปทำ sleep test เพื่อหาความผิดปกติของการนอนหลับเบื้องต้น สำหรับคนที่มีแนวโน้มเกิดภาวะนี้อาจต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือทันสมัยล่าสุดที่เรียกว่า Polysomnography ซึ่งจะบอกประสิทธิภาพการนอนหลับว่าหลับได้ดีหรือหลับสนิทแค่ไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นขณะนอนหลับบ้าง ใช้เวลาในการตรวจวัด 6-8 ชั่วโมง หรือตลอดการนอนหลับ 1 คืน

ส่วนการรักษาโรคนี้มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุว่ากรนหรือหยุดหายใจขณะหลับเพราะอะไร บางคนเป็นเพราะสรีระในช่องปากผิดปกติ ก็อาจต้องผ่าตัด จี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงหรือใส่เครื่องมือเพื่อปรับสภาพโครงสร้างในช่องปากให้ปกติ หากสาเหตุเกิดจากความอ้วน คนไข้ต้องลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร หากสาเหตุเกิดจากการใช้ยารักษาโรคบางตัว เช่น ยาแก้ภูมิแพ้ ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา ส่วนคนที่เป็นไม่มาก ก็อาจดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคง เป็นต้น

อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายไร้เสียงกรน นั่นคือ การใช้เครื่องช่วยหายใจ (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) ลักษณะเป็นหน้ากากออกซิเจนครอบจมูก ที่จะช่วยปล่อยแรงดันลมเบาๆ เข้าสู่จมูกผู้ป่วยเพื่อขยายช่องทางเดินหายใจ เมื่อช่องหายใจไม่ถูกอุดกั้นจะทำให้ผู้ป่วยหลับสนิท ไม่กรนและไม่หยุดหายใจเป็นช่วงๆ เครื่องนี้มีหลายแบบหลายราคาและสามารถพกพาไปที่ต่างๆ ได้ ผู้ป่วยที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกเครื่องที่เหมาะสมกับคุณ

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันแม่แห่งชาติ



วันแม่แห่งชาติ

ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยริเริ่มเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2519 โดยคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จนถึงปัจจุบัน

สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เลือกหวีให้เหมาะกับผมของสาวๆ


อย่างที่สาวๆ ทราบกันดีนะคะว่า การแปรงผม หรือหวีผมบ่อยๆ นั้นจะเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันบนหนังศรีษะให้เริ่มผลิตน้ำมันตามธรรมชาติมาบำรุงเส้นผมให้เงางามและนุ่มสลวย สาวๆ ควรจะแปรงผมเป็นประจำในช่วงเช้าและช่วงเย็นเพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งสกปรกให้หลุดออกจากเส้นผม

แต่สาวๆ ไม่ควรแปรงผมขระที่ผมเปียกอยู่นะคะ เพราะขณะที่ผมเปียกนั้นเส้นผมจะมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งทำให้เส้นผมแตกหักได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเลือกแปรงให้เหมาะกับลักษณะเส้นผมหรือทรงผมก็มีส่วนสำคัญเช่นกันค่ะ

ผมยาว :: สาวๆ ผมยาวถ้าอยากมีผมสลวยสวยเก๋ล่ะก็ สาวๆ ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเป็นเหล็กและบุด้วยยาง จะช่วยให้เส้นผมไม่พันกันขณะหวี การเลือกใช้หวีชนิดนี้จะช่วยป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตที่จะทำให้เส้นผมชี้ฟูไม่เป็นทรงได้ด้วค่ะ

แต่ถ้าสาวๆ ต้องการจัดทรงผมก็ควรใช้แปรงกลมขนาดใหญ่ที่ช่วยให้จัดทรงได้ง่ายขึ้น และทำให้ปลายผมได้รูปสวยและไม่ชี้ไปชี้มาค่ะ

ผมยาวประบ่า :: สาวๆ ที่มีผมยาวประบ่า ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเรียวเล็กและบุด้านหลังด้วยยาง ถ้าขนแปรงยาวจะช่วยให้ผมไม่พันกัน ส่วนขนแปรงสั้นจะช่วยให้ผิวของเส้นผมเรียบลื่นนุ่ม


ผมยาวประบ่า :: สาวๆ ที่มีผมยาวประบ่า ควรเลือกแปรงที่มีขนแปรงเรียวเล็กและบุด้านหลังด้วยยาง ถ้าขนแปรงยาวจะช่วยให้ผมไม่พันกัน ส่วนขนแปรงสั้นจะช่วยให้ผิวของเส้นผมเรียบลื่นนุ่มสลวยค่ะ

ผมสั้น :: สาวมาดเท่ที่ไว้ผมสั้น ควรเลือกแปรงที่มีรูปทรงสีเหลี่ยม ขนแปรงยาวสั้นสลับกัน จะช่วยยกโคนผมให้ดูมีน้ำหนักและไม่ลีบแบนค่ะ

ผมหยักโศก :: สาวๆ ที่มีผมหยักโศกอาจจะพบกับหาเรื่องการจัดทรงผมค่อนข้างบ่อย สาวๆ ควรเลือกใช้หวีที่มีลักษณะคล้ายคราดแทนแปรง โดยเลือกที่ด้ามหวีกว้างแบนและห่าง เพราะหวีลักษณะนี้จะช่วยรักษาสภาพลอนผมให้เป็นทรงฟูได้เป็นอย่างดีค่ะ

เห็นรึเปล่าล่ะค่ะว่า การเลือก "หวี" หรือ "แปรง" สำหรับหวีผมนั้นก็มีความสำคัญกับเส้นผมของสาวๆ ไปไม่น้อยกว่าการบำรุงวิธีต่างๆ เลย เพราะจะนั้นต่อไปนี้สาวๆ ก็ต้องเลือกใช้หวี หรือแปรง ให้เหมาะกับผมของสาวๆ ด้วยนะคะ สาวๆ จะได้มีผมสวยๆ เงางามไว้อวดเพื่อนๆ ยังไงล่ะ



วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ห้องน้ำ อย่ามองข้าม เชื้อโรค ในห้องน้ำ


ห้องน้ำ...มุมที่เราหลายคนระวังตัวน้อยที่สุดในบ้าน แต่รู้ไหมคะว่าถ้าดูแลไม่ดีพอในห้องน้ำจะกลายเป็นแหล่งชุมนุมของเชื้อโรคขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามากมายเชียวล่ะ

1. ผ้าม่านพลาสติก

มีคำยืนยันจากนักจุลชีววิทยาแล้วค่ะว่า คราบสีดำที่เกาะอยู่กับผ้าม่านพลาสติกในห้องน้ำนั้นก็คือแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่จะช่วยทำให้แบคทีเรียชนิดนี้เติบโตได้ดีก็คือละอองจากการเรอ จาม และไอของคนค่ะ

Safety Tip ควรถอดผ้าม่านพลาสติกไปซักอาทิตย์ละครั้งหรืออย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง

2. ฟองน้ำถูตัว

ฟองน้ำที่ใช้ถูตัวที่เป็นสิ่งชำระความสกปรกตามซอกต่างๆ ของร่างกาย แถมยังต้องเปียกชื้นอยู่เกือบตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคเป็นอย่างดี

Safety Tip คุณแม่ควรเลือกฟองน้ำถูตัวที่ไม่หนามาก ซักฟองน้ำถูตัวด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังใช้ และควรแขวนตากให้แห้งด้วย

3. แปรงสีฟัน

ห้องน้ำมีเชื้อโรคหลายชนิด หนึ่งในเชื้อโรคนั้นคือโรตาไวรัสและเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสที่ติดโดยการสัมผัสผ่านทางจมูกและปาก เพราะฉะนั้นต้องระวังของใช้ส่วนตัว(ชิ้นเดียว)ที่มักวางอยู่ในห้องน้ำและต้องเอาเข้าปากอย่างแปรงสีฟันเป็นพิเศษ

Safety Tip หากล่องเก็บแปรงสีฟันโดยเฉพาะที่มีรูระบายอากาศ เพื่อป้องกันความเปียกชื้น และล้างแปรงสีฟันทุกครั้งก่อนแปรงฟัน

4. อ่างล้างหน้า

เป็นที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ชอบความเปียกชื้นเป็นพิเศษ ในบางบ้านอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาศัยอยู่ด้วย

Safety Tip ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรทำความสะอาดทุกวัน

5. ชักโครก

เครื่องใช้ที่รองรับของเสียทั้งหลายจากร่างกาย ไม่ต้องบอกก็พอเดากันได้ว่าการทำธุระส่วนตัวแต่ละครั้งจะมีเชื้อโรคแพร่กระจายมากมายแค่ไหน แถมใต้ฝารองนั่งก็ยังมีเชื้อโรคต่างๆ แฝงอยู่ไม่น้อย

Safety Tip ล้างชักโครกด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกอาทิตย์ และอย่าลืมยกฝาชักโครกขึ้นขัดทำความสะอาดด้วยนะคะ

6. ผ้าเช็ดมือ-เช็ดเท้า

เพราะเปียกชื้นอยู่แทบตลอดเวลา หากคุณแม่มีแต่เช็ด เช็ด เช็ด แล้วก็เช็ด แต่ไม่เปลี่ยนผืนบ้าง ผ้าเช็ดมือ-เช็ดเท้าจะกลายเป็นที่อาศัยของเชื้อราไปโดยปริยาย

Safety Tip ควรแขวนผ้าเช็ดมือหรือวางผ้าเช็ดเท้าในที่ลมผ่าน หรือเอาออกมาตากให้แห้งหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่หมักหมมของเชื้อโรคที่รักความอับชื้นทั้งหลาย

ห้องน้ำอากาศไม่ถ่ายเทและชื้นอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นยอดทีเดียว กิจวัตรประจำวันทุกวันของเราในห้องน้ำก็มีส่วนทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้อย่างดี
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือคุณแม่ต้องรู้เท่าทันจุดที่มีเชื้อโรคหมักหมมหรือก่อตัวได้ง่ายและหมั่นทำความสะอาดแหล่งเพาะเชื้อโรคนั้นเป็นประจำค่ะ

สำนวนอังกฤษที่จำเป็นในการจัดการโปรเจ็ค

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการโปรเจ็คหรือเป็นหนึ่งในทีมงานนั้น คุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้สำนวนในการดำเนินโปรเจ็คได้เพราะในปัจจุบัน จะถูกใช้กันอย่างมากมายในออฟฟิศทั่วโลก ปัญหาก็คือคุณไม่สามารถหาคำแปลสำนวนเหล่านี้ได้จากดิกชันนารี เรียนรู้จากคำแนะนำจของเราเรื่องสำนวนภาษาที่ใช้กันในออฟฟิศเพื่อเตรียม พร้อมสำหรับโปรเจ็ควันพรุ่งนี้!

Define the scope หนึ่งในก้าวแรกของการดำเนินโปรเจ็คคือการระบุผลกระทบและขอบเขตของโปรเจ็ค หรือการสร้างproject scope และscopeควรให้รายละเอียดถึงผลิตผลสุดท้ายที่โปรเจ็คนี้ก่อให้เกิด

Establish a timeline ต่อไปคุณควรตัดสินว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าใดในการทำแต่ละขึ้นตอนของโปรเจ็คนั้นให้สมบูรณ์โดยการสร้างtimeline เพื่อที่คุณจะรู้ว่าคุณอยู่จุดไหนของโปรเจ็คและทำเวลาได้ดีตรงตามที่กำหนดไว้หรือไม่จนกว่าโปรเจ็คนั้นจะสิ้นสุดลง

Specify target outcomes คุณจะวัดความสำเร็จของโปรเจ็คได้อย่างไร? มันสำคัญที่คุณต้องระบุ target outcomes หรือผลที่ต้องการที่ประมาณผลประโยชน์ได้เพื่อใช้ในการวัดความสำเร็จของโปรเจ็ค

Determine necessary outputs พิจารณาถึงผลผลิต บริการ ธุรกิจ การจัดการ หรือที่กล่าวรวมๆ ว่า outputs ที่จำเป็นเพื่อที่คุณจะบรรลุ target outcomes ให้เป็นผลสำเร็จ

Put a project team together บุคคลกรเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จของโปรเจ็จของคุณ เลือกสรรเอาพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาร่วมในproject teamของ คุณ นั่นคือทีมของผู้คนที่ร่วมกันทำงานเพื่อทำโปรเจ็คนั้นให้เป็นผลสำเร็จอย่าง ที่ตั้งไว้ คุณควรมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบให้แต่ละคนอย่างเหมาะสม

Record milestones เมื่อสมาชิกใน project team แต่ละคนทำสิ่งที่รับผิดชอบหรือขั้นตอนใดที่ระบุไว้สิ้นสุดลงแล้ว อย่าลืมทำการลงบันทึกไว้ด้วย Milestonesหมายถึงทั้งสิ่งที่สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ และสามารถใช้บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของโปรเจ็ค

Create baseline metrics ความก้าวหน้าและการดำเนินไปของโปรเจ็คควรถูกประเมินโดยใช้ baseline metrics, ซึ่งก็คือกลุ่มของตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดสมรรถภาพของโปรเจ็ค

Set a budget cost ตัดสินว่าคุณกะว่าโปรเจ็คนี้จะใช้งบประมาณเท่าใด และตั้งbudget costไว้ตั้งแต่การเริ่มต้นของโปรเจ็ค คุณสามารถปรับปรุง budget ของคุณและเพิ่มรายละเอียดได้ในภายหลัง

Produce deliverables เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปเป็นผลอย่างน่าพอใจตามที่ตกลงไว้ อย่าลืมเตรียมdeliverables, อย่างเช่นรายงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำให้สมบูรณ์ แล้วก็ต้องทำให้เสร็จทันเวลาตามที่กำหนดไว้ด้วย!

Execute risk management ในทุกโปรเจ็คจะมีrisks หรือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบถึงความสำเร็จหรือความล่าช้าของโปรเจ็คอยู่ด้วยเสมอ ผู้จัดการโปรเจ็คที่ดีจะดำเนินการกับ risk management โดยการระบุ วิเคราะห์ ประเมิน และกำจัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

PoR

PoR

i like tinker bell

i like tinker bell